[ใหม่] ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่ ภูตะแบงปี 2519 หลวงปู่สรวง

409 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - เขตตลิ่งชัน - คนดู 20

500 ฿

  • ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่ ภูตะแบงปี 2519 หลวงปู่สรวง รูปที่ 1
  • ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่ ภูตะแบงปี 2519 หลวงปู่สรวง รูปที่ 2
  • ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่ ภูตะแบงปี 2519 หลวงปู่สรวง รูปที่ 3
รายละเอียด
ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่ ภูตะแบงปี 2519 หลวงปู่สรวงขอแนะนำพระเครื่อง ท้าวกุเวรพิมพ์ใหญ่
ออกที่ภูตะแบงปี 2519 ด้านหลังเป็นรูปพระนางลักษมีหลวงปู่สรวงเสกให้รวย
รวยเงินทอง เฝ้าทรัพย์สมบัติ ค้าขายดีมีกำไร ร่มเย็นเป็นสุข
เปิดราคาที่ 500 บาทค่าส่ง 50บาท
สนใจติดต่อ
ธนวัฒน์ 0870977567
โทรศัพท์มือถือ 092-264-4368

พระเครื่องหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินตำนานพระเกจิและภาคอภินิหาร
วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง สนใจไปที่
www.หลวงปู่สรวง.net
หรือ ติดต่อ ธนวัฒ์ปู่สรวง โทร 09226443648

ชาวบ้านหายไปไหนหมดตอนที่2
ขอยกความดีของเรื่องหลวงปู่สรวงให้กับพี่อำพล เจนไว้ ณ. ที่นี้ที่พี่ท่านได้บันทึกเหตุการณ์ของหลวงปู่มาเล่าสู่กันฟัง ผมจึงขออนุญาติเอามาเผยแผ่เป็นเกียรติประวัติให้อนุชนรุ่นนี้และรุ่นหลังได้จดจำเล่าขานไม่จบสิ้น

ก่อนอื่นต้องขอบอกทุกๆท่านที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ให้เข้าใจเสียก่อนว่า เรื่องเล่าอันเกี่ยวกับหลวงปู่สรวงที่ทุกท่านจะได้ติดตามนับจากนี้เป็นต้นไป เป็นการนำมาเรียบเรียงใหม่จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง

ฉะนั้นจึงขอให้ทุกท่านที่สนใจใคร่รู้ และเฝ้าติดตามเรื่องราวของหลวงปู่สรวงนับจากนี้ไป ได้โปรดจงทำใจให้เป็นกลางในการที่จะรับฟังและรับข้อมูลในครั้งนี้เสียก่อน และขอให้ทุกท่านได้ละ,วางในสิ่งที่ทุกท่านเคยได้ยินหรือเคยรับฟังมา ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเอาไว้เสีย เพื่อที่เราจะได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้แม้บางช่วงบางตอนจะฟังคล้ายหนังอินเดีย ที่มีแต่เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อ เหาะเหิรเดินอากาศบ้าง ,เดินบนน้ำบ้าง , เดินทางลัดบ้างหรืออะไรก็แล้วแต่ อันเป็นการกระทำที่คล้ายในเทพนิยายมากว่าจะเป็นเรื่องจริง แถมมากมายไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ก็ตามที

คำบอกเล่าทั้งหมดนับจากนี้ไปผู้ที่ได้กรุณาเล่าให้ฟังยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลเดียวที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่สรวงมานานแล้วอย่างน้อยๆก็ 30 ปีโน่นแหละที่ท่านได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่สรวง จนแม้กระทั่งวันหลวงปู่มรณภาพคุณลุงท่านนี้ก็ไม่ได้ห่างจากหลวงปู่เลย

จึงนับได้ว่าคุณลุงท่านนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวต่างๆของหลวงปู่สรวงมากที่สุด ,ละเอียดที่สุด ,จริงที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆในความน่าเชื่อถืออันเกี่ยวเนื่องไปถึงข้อมูล และประวัติของหลวงปู่สรวง

หากจะมีการกล่าวถึงหลวงปู่สรวง ก็นับได้ว่าข้อมูลจากคุณลุงท่านนี้น่าเชื่อถือที่สุดมากว่าผู้ใดทั้งสิ้น

หลวงปู่สรวงท่านเป็นพระที่มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างแปลก และมีวัติปฏิบัติที่ค่อนข้างจะพิสดารเป็นที่สุด นับตั้งแต่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวของพระธุดงค์มา

ด้วยว่าท่านไม่อินังขังขอบกับกฎกติกาใดๆ ที่ได้มีการบัญญัติไว้เป็นระเบียบ ให้พระธุดงค์ได้ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

จากคำบอกเล่าของคุณลุงท่านนี้ (ขอสงวนนามเหมือนอย่างเคย เพราะท่านไม่อนุญาตให้นำชื่อเสียงของท่านมาเปิดเผยอย่างเด็ดขาด) หลวงปู่สรวงเป็นพระที่ชาวบ้านในเขตรอบนอกที่ห่างไกลจากตัวจังหวัด และห่างไกลจากความเจริญค่อนข้างจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี แตกต่างจากชาวเมืองในเขตตัวจังหวัด ที่ไม่ค่อยจะได้ยินหรือรู้จักกิตติศัพท์ของท่านกันสักเท่าไหร่นัก บางคนไม่รู้จักหลวงปู่สรวงเลยก็มี และมีเป็นจำนวนมากเสียด้วย
เข้าเรื่องตอน2
อีกหนึ่งเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ หลังจากอ่านจบแล้ว ผมก็จะขอถามทุกท่านอีกนั่นแหละ ว่าท่านเชื่อมั๊ยว่า เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่สรวงท่านออกธุดงค์ไปทาง อ.อำนาจเจริญ จำไม่ได้แล้วล่ะว่าหมู่บ้านที่ท่านธุดงค์ผ่านไปชื่อหมู่บ้านอะไร รู้แต่ว่าไปถึงก็จวนค่ำแล้วโพล้เพล้เต็มที ก็เริ่มมองหาที่สำหรับปักกลดเพื่อพักผ่อนในค่ำคืนที่จะมาถึง

ตามปกตินิสัยของหลวงปู่ท่านจะไม่จำวัดในหมู่บ้านหรือแม้แต่ในวัดเองก็เถอะ หากอยู่ในที่ชุมชนมีคนพลุกพล่านแล้วล่ะก็เป็นอันเลิกกัน ท่านไม่ยอมอยู่แน่ๆ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ท่านพาเดินเลาะเลียบเข้าไปในป่าตามชายหมู่บ้านไม่ยอมเดินเข้าไปในหมู่บ้าน และไปหยุดพักในป่าที่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร

ด้วยความที่เดินทางกันมาทั้งวันก็เลยหิว วันนั้นทั้งวันมีแต่น้ำเปล่าที่ตกถึงท้องไม่มีอาหารอย่างอื่น อาการหิวก็เลยเก็บไว้ไม่มิดปิดไว้ไม่อยู่ หน้ามืดจะเป็นลมเสียให้ได้

หลวงปู่ท่านก็คงรู้และดูออกว่าเราหิว แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่แม้แต่จะบอกให้เราเข้าไปหาอาหารในหมู่บ้านมากินให้หายหิว

เมื่อหลวงปู่ไม่บอกไม่พูด หิวอย่างไรก็ต้องทนต้องอดนั่งอยู่กับท่านทั้งอย่างนั้น

หลังจากเลือกสถานที่สำหรับจะพักปักกลดได้แล้ว หลวงปู่ก็เดินหายลับเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เรานั่งรออยู่อย่างนั้นโดยท่านไม่ได้บอกหรือสั่งอะไร นอกจากบอกให้ก่อไฟไว้ไล่ยุงเท่านั้น

สักพักท่านก็เดินกลับมา ไม่ได้มาตัวเปล่า ในมือของหลวงปู่สรวงมีปลาช่อนตัวเขื่องขนาดประมาณเท่าๆกับแขนของผู้ใหญ่ กำติดมือดิ้นกะแด่วๆมาด้วยตัวหนึ่ง

เมื่อเดินมาถึงกองไฟที่ก่อเอาไว้หลวงปู่ท่านไม่พุดพล่ามทำเพลงให้เยิ่นเย้อเสียเวลา

ท่านจัดการหักคอปลาช่อนเคราะห์ร้ายตัวนั้นดังเป๊าะ แล้วโยนปลาช่อนดวงซวยตัวนั้นเข้ากองไฟอย่างหน้าตาเฉย ทำเหมือนอย่างกับว่า การหักคอปลาเป็นเรื่องธรรมดาๆซะอย่างนั้นแหละ

ยังไม่จบครับยังมีต่อตอนที่3 ขอไปสวดมนต์ไหว้พระแล้วจะกลับมาเล่าใหม่