[ใหม่] พระสังกัจจายพิมพ์หยดน้ำรวยเงินรวยทองวัดเลียบปี21 เนื้อโลหะผสม

253 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - เขตตลิ่งชัน - คนดู 45

1,500 ฿

  • พระสังกัจจายพิมพ์หยดน้ำรวยเงินรวยทองวัดเลียบปี21 เนื้อโลหะผสม รูปที่ 1
รายละเอียด
วัตถุมงคลที่หลวงปู่สรวงท่านเสกให้ที่เป็นทางการที่สุดนั้นต้องยกให้
วัดเลียบราษฏร์บำรุงทั้งเสกนานเสกจนเกิดปาฏิหารย์ในพิธีมากมายหลายๆรุ่น
แม้แต่หลวงพ่อสร้อยเองก็ยังมีผู้คนไปหาท่านมากมาย
พระรุ่นนี้ถือเป็นพระสังกัจจายน์ของวัดเลียบราษฏร์พระสังกัจจายน์รุ่นนี้

หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินท่านได้กล่าวเป็นภาษาเขมร
ซึ่งหลวงพ่อสร้อยท่านแปลให้ฟังว่า...."ดี..มีโภคทรัพย์มาก"..."โภคทรัพย์ดี....โชคลาภดี."
หลายๆคนล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์โดยเฉพราะด้านโชคลาภกับหลวงปู่สรวง
กันแล้วมากมาย.......หลวงปู่สรวงออยเตียนสรูลออยเพิ่นพูนบายตึ๊กเจีย....
ข้าวน้ำดีมั่งมีเงินทอง ที่สำคัญหลวงปู่สุด วัดกาหลง หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตราม มาร่วมปลุกเสกด้วย

สนใจบูชาองค์ละ 1500 บาท ค่าส่ง ไปรษณีย์บวกเพิ่ม 50 บาท
สนใจติดต่อ ธนวัฒน์ โทรศัพท์มือถือ 092-264-4368

ยามนั้น....มิใช่เฉพาะสงฆ์จากบ้านเราเท่านั้นที่ข้ามแดน ก็มีจำนวนไม่น้อยจากเพื่อนบ้านเข้ามาในเรือนเรา แล้วสร้างกัลยาณมิตรบำเพ็ญธรรมจนมวลชน ศรัทธาและเลื่อมใส ดั่ง.....หลวงปู่สรวง

นักบวชชราท่านนี้เป็นชาวกัมพูชา ได้ข้ามพนมดองเร็ก (พนมดงรัก) อันเป็นเส้นกั้นชายแดนเมื่อใดไม่มีใครรู้ ผู้เฒ่าวัย 90 ขึ้น บอกว่า ตอนยังเด็กๆก็เห็นหลวงปู่สรวงแล้ว...ส่วนใหญ่จะป้วนเ_sensor_ยนอยู่ในพื้นที่อำเภอขุนหาญกับขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ซึ่ง......มักจะพักตาม กระท่อมในไร่นาของ ชาวบ้าน แล้วแวะเวียนไปในที่ต่างๆ....นานๆ จะกลับมาให้เห็น ณ ที่เดิมอีกที ชาวบ้านที่ได้สัมผัสจะยกย่องว่าเป็นผู้วิเศษ เรียก “ลูกอ็อวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ”

(...เป็นภาษาเขมร หมายถึงดาบสที่รักษาศีลอยู่ตามถ้ำหรือป่าเขา...)

ลูกตาเบ๊าะหรือ หลวงปู่สรวง.......มักทำตัวแปลกๆ นอกจากจะห่มจีวรเช่นภิกษุทั่วๆไป บางวันก็นุ่งกางเกง วันไหนนึกสนุกจะนุ่งผ้าถุงผืนเดียวไม่ใส่เสื้อ แถมชอบอยู่ตามกระท่อมร้างกลางทุ่งมากกว่าวัด

...วันไหนที่อากาศหนาวเหน็บกลับชอบอาบน้ำ และแช่ตามห้วยหนองคลองบึง ส่วนวันที่อากาศร้อนอบอ้าวก็จะนั่งผิงไฟ ซึ่งก่อขึ้นเองอย่างโชติช่วง หากมีใครเอาอะไรไปให้ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือของใช้ ก็จะโยนเข้ากองไฟหมดโดยไม่สนใจของมีค่าใดๆ..... จึงไม่มีใครรู้ว่าอาหารการกินนั้น “กินที่ไหน อย่างไร”

หลวงปู่สรวงเป็นพระที่มักน้อย สมถะ สันโดษ มีอุเบกขาสูงสุด ให้ความ เมตตากับผู้ที่ไปหาทุกๆคน ให้ความสำคัญ เท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ดี เศรษฐี ยากจน จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษแก่คนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะแม้แต่คนเดียว

หลวงปู่สรวงจะมีพฤติกรรมแปลกๆ......หากได้พบถ้าใครยื่นกระดาษให้บอกว่าขอของดี มักจะได้อักขระเป็นภาษาขอม ว่า “ ออยเตียน เมียนบาน (ให้ทานแล้วจะร่ำรวย)” หรือ “เทอเจิด ออยสะโลก (ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แจ่มใส)” หรือ “เต็อวเวียด เรียะษะเซ็ล (ไปวัดรักษาศีล)”

หรือ....“ออยเตียน สะรูญ (ให้ทานความสุข)” และอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นปริศนาธรรม และ ถ้าเขียนเป็นตัวเลขจะตรงเผงทุกงวด ไม่ว่าจะเป็นหวยรัฐหวยใต้ดินหรือหวยหุ้น สร้างความเลื่อมใสกับนักเสี่ยงโชคเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเรียกว่า.... “เทวดาเดินดิน”

ซึ่ง.......ก็มิอาจที่จะพบกับ “เทวดาเดินดิน” ได้ง่ายๆ เพราะบางวันก็จะเห็นเดินลัดเลาะอยู่แถวบ้านละลม บ้านจะบก อำเภอบัวเชด บางวันก็พบที่เขาพระวิหารและกันทรลักษ์.....นู้น

...ผู้ที่ศรัทธาจึงพยายามตามหา.....มีโชคก็เจอ ไม่มีโชคก็แห้วทั้งชีวิต...!!!

ตามปกติ......หลวงปู่สรวงจะอยู่ตามป่าเขาที่เงียบสงบ ล่วงถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปี 2543 หลวงปู่ไปพักอยู่กระท่อมข้างลำห้วย เชิงเขาดงเร็ก หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา จัดดอกไม้ ธูป เทียนทำขันธ์ห้าขันธ์แปด ผ้าขาว 1 ผืน กับเงิน 24 บาท (ของเหล่านี้ถือเป็นเครื่องสักการ-บูชาครูอาจารย์ตามธรรมเนียมโบราณ)...นำไปถวาย
หลวงปู่สรวงรับแล้วนั่งสงบสมาธิพักใหญ่ จึงพนมมือสวด นโม อิติ ปิโส ภะคะเวีย แล้วร่ายยาวต่อด้วยเตียน-บาระเม็ย พร้อมทั้งได้มอบข้าวเปลือก 6 กำ ทองคำ 9 แผ่น เป็นปริศนาธรรม แก่หลวงพ่อพุฒ ให้เป็นแง่คิดและถือปฏิบัติแห่งเมตตาบารมี

เป็นการสวดโปรดศิษย์ครั้งสุดท้าย.....8 กันยายน 2543 หลวงปู่สรวงก็ละสังขาร....!!!

จากวันนั้นถึงวันนี้.....กาลเวลาล่วงครบ 1 รอบ (12 ปี) พอดี

พระครูโกศล สิกขกิจ (หลวงพ่อพุฒ วายาโม) พร้อมด้วยเหล่าศิษยานุศิษย์ จึงจัดกิจกุศลเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่สรวง “เทวดาเดินดิน” ณ วัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ ศรีสะเกษ ......ระหว่าง 5 ถึง 9 กันยายน

ซึ่ง......วันแรกถึง 7 กันยายน จัดพิธีกรรม “บวชเนกขัมมะบารมี” (เนกขัมมะบารมี....เป็นการสร้างบารมีที่เกิดจากการบวช หมายถึงการละเหย้า ละชีวิตทางโลกไปสู่ชีวิตอันบริสุทธิ์ เพื่อปลดเปลื้องจากโลกียวิสัยไปบำเพ็ญเพียรให้ปลอดราคะตัณหา อันเป็นบุญกุศลแก่ผู้ปฏิบัติ.....ทั้งชายหญิง)......และเจริญสมาธิภาวนา