[ใหม่] เหรียญเสมาหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ปี 2516

647 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - คนดู 4,196

5,000 ฿

  • เหรียญเสมาหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ปี 2516 รูปที่ 1
  • เหรียญเสมาหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ปี 2516 รูปที่ 3
รายละเอียด


เหรียญเสมา หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม ปี 16 เนื้อทองแดงรมดำ

 

 

เหรียญเสมาหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม ปี 2516 เนื้อทองแดงรมดำ แล้วเคลือบทองคำหุ้มทั้งเหรียญเพิ่มความเข้มขลังและศิริมงคล เพื่อบูชาองค์หลวงพ่อท่านเป็นพระอริยบุคคลทรงอภิญญาสมาบัติ 

 

หลวงพ่อแช่มท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

 

วัดดอนยายหอม สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่อย่างจันทร์กระจ่างฟ้า หลวงพ่อแช่มก็ฉายประกายเจิดจ้าอยู่เคียงข้างแล้ว นั่นคือแววที่ส่อให้เห็นว่าท่านมีพร้อมทุกอย่างที่จะสืบสานทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้เป็นอาจารย์
เช่นเรื่องอมตะที่เล่ากันไม่เสร็จเรื่องนี้
ชาวจีนคนหนึ่งได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ว่าศักดิ์สิทธิ์นัก อยากได้พระของหลวงพ่อเงิน จึงไปหาท่านที่วัด ไปถึงวัดดอนยายหอม ก็ได้ทราบว่า หลวงพ่อเงินท่านสิ้นแล้ว มีแต่พระอีกองค์หนึ่งนั่งรับแขกก็เข้าไปหา พระองค์นั้นก็ให้ลูกศิษย์ไปตักน้ำมาแก้วหนึ่งจากบาตรน้ำมนต์ของท่านเอามาเป่าแล้วส่งให้ ชาวจีนคนนั้นถือแก้วน้ำเดินออกไปหน้ากุฏิ ด้วยท่าทางไม่เลื่อมใส พอถึงหน้ากุฏิ ก็คว่ำแก้วเทน้ำมนต์ทิ้ง
ปรากฏว่า น้ำมนต์ของท่านแข็งติดแก้วแน่น เทยังไงก็ไม่บอก
“ไอ๊หยา หลวงพ่อองค์นี้ก็เก่งเหมียงกัง”
ชาวจีนร้องเสียงขรมรีบกลับเข้าไปกราบขอขมา จึงได้รู้ว่าที่แท้คือ หลวงพ่อแช่ม องค์นี้นั่นเอง
ตั้งแต่นั้นมากิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์หลวงพ่อแช่ม ดังระเบิดเลื่องลือไปทั่ว....
สมัยนั้นดอนยายหอมในฤดูเก็บเกี่ยว มักประสบปัญหาข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้นวดถูกลักออกไปจากลานนวดข้าว ชาวบ้านที่เดือดร้อน ไปขอให้หลวงพ่อเงินท่านช่วย ท่านกลับบอกว่า
“ไปหาคุณแช่มสิ คุณแช่มช่วยได้”
คุณแช่มของหลวงพ่อเงินบอกทุกคนไปเอาดินเหนียวมาปั้นหุ่นวัวตัวเล็ก ๆ คนละตัว ท่านรับวัวงวดนั้นราวๆ 20 ตัว นัดหมายให้ทุกคนกลับมาเอาวัวดินเหนียวคืนไปในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย ๆ
เรื่องนี้พระครูสมุห์อวยพร ฐิติญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอมในปัจจุบัน ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของหลวงพ่อแช่มได้เล่าว่าดินนั้นหลวงพ่อแช่มนั่งเสกวัวทั้งคืน ตลอดคืนนั้นพระเณรในวัดรูปใดที่ไม่ทันหลับ หรือตื่นขึ้นกลางดึกเป็นอันได้ยินเสียงวัวร้องขรมในกุฏิหลวงพ่อแช่ม
ท่านว่า “ถ้าคืนไหนหลวงพ่อแช่มปลุกเสกวัวพยนต์จะมีคนได้ยินเสียงวัวร้องเสมอ”
วัวพยนต์ก็คือ วัวดินเหนียวนั่นเอง

 

ประสบการณ์ของลูกศิษย์หลวพ่อที่มีต่อวัตถุมงคลของท่านมีมากมายครับ ขอยกตัวอย่างมาให้อ่านพอสังเขบดังนี้

ต่อไปนี้ประวัติศาสตร์ขลังของหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม

เรื่องแรกเป็นประสบการณ์ของ น.ส.ประนอม พรามญานัง และนายอำนาจ พรามญานัง อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 7 บ้านดอนขนาด ตำบลดอนยายหอม นี่เอง
ทั้งคุณประนอมและคุณอำนาจ มีงานประจำที่ปั๊มน้ำมัน จะต้องไปเช้าและกลับเย็นทุกวัน ชีวิตก็เป็นปกติตลอดมา จนกระทั่งถึงวันที่ 15 กันยายน 2528 เรื่องไม่ปกติก็เกิดขึ้น
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง คุณประนอมและคุณอำนาจเสียเวลาจ่ายกับข้าวที่ตลาดสด จึงทำให้ต้องเดินทางกลับบ้านมืดไปหน่อย ทางเข้าบ้านดอนขนาด เปลี่ยวมาก นานๆมีรถสวนคันหนึ่ง ระหว่างนั้นคุณอำนาจซึ่งเป็นผู้ขับมอเตอร์ไซค์มีความรู้สึกว่ากำลังถูกติดตามจึงเร่งความเร็วขึ้น รถที่เชื่อว่ากำลังติดตามก็เร่งเครื่องกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ พอเลยโรงเลี้ยงหมูตังกวย รถมอเตอร์ไซค์ของผู้ติดตามก็แล่นมาทันและแซงหน้าไป
คนซ้อนท้ายรถคันนั้นชักปืนออกมายิงใส่ 2 นัด
นัดแรกถูกหัวไหล่คุณอำนาจ นัดที่สองถากหัวไหล่คุณอำนาจแล้วเลยมาถูกหัวไหล่ขวาคุณประนอมจนเสื้อขาด
กระสุนไม่เข้าทั้ง 2 นัด
คุณประนอมบอกว่าผิวหนังที่ถูกปืนเกรียมไหม้และเขียวช้ำไปหมด
ในคอคุณประนอมแขวนเหรียญเสมาเล็กรูปเหมือนหลวงพ่อแช่มพร้อมเชือกที่ได้รับจากมือท่านเท่านั้น
ส่วนคุณอำนาจไม่ได้รายงานว่าแขวนอะไรหรือพกอะไรติดตัว
เหรียญเสมารูปหลวงพ่อแช่ม มีสร้างอยู่หลายรุ่น นี่พูดถึงเหรียญเล็ก โดยมากทำแจก ซึ่งปัจจุบันนี้หลวงพ่อแช่มท่านก็แจกเหรียญเสมาเล็กอยู่ทุกวัน แต่เป็นรูปของหลวงพ่อเงิน ท่านแจกพร้อมเชือกสายสิญจน์ ผ้ายันต์ และเชือกจระเข้ขบ ใครไปกราบท่านจะได้รับทุกคน
นี่ก็ออกจะเป็นเรื่องธรรมดาของครูบาอาจารย์ผู้มีคุณวิเศษได้สร้างของวิเศษไว้คุ้มครองภัยให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆจนชาชิน จนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
มีผู้แสดงข้อคิดเห็นว่า เรื่องนี้บางท่านมีทิฎฐิ (ความเห็น) ว่าเป็นเรื่องเดรัจฉานวิชา ท่านผู้นั้นกล่าวว่าอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะเป็นเดรัจฉานวิชาหรือเป็นวิชาต่ำช้า เพราะว่าผู้ที่จะทำให้วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สำเร็จฌานสมาบัติและอภิญญาชั้นสูง ซึ่งผู้ที่มีได้เป็นได้ถึงขั้นนั้นล้วนแต่เป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์แห่งศีลทั้งสิ้น
ผมเคยอ่านพระไตรปิฎกซึ่งกล่าวถึงพระพุทธพจน์บทหนึ่งว่า สิ่งที่ตถาคตรู้เห็นแต่ไม่บอกแก่สาวกนั้นยังมีมากมายประดุจใบประดู่ลายที่หล่นอยู่เกลื่อนป่า ที่ตถาคตบอกแก่สาวกก็เปรียบเหมือนใบประดู่ลายเพียงใบเดียวเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าสิ่งอื่นๆใดก็ตามที่พระพุทธองค์รู้เห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน นัยหนึ่งคือเพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์ พระองค์จึงไม่นำมากล่าวมาสอนไว้ คงบอกทางให้พ้นทุกข์เพียงประการเดียวเท่านั้น
แม้ในสมัยพุทธกาลจะไม่เคยมีการกล่าวถึงหรือบันทึกถึงเรื่องการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ก็ไม่ได้แปลว่าสมัยนั้นไม่มี แต่ท่านไม่เน้นไว้ เพราะนั่นไม่ใช่คำสอนให้พ้นทุกข์ และไม่ได้บอกว่านั่นเป็นของผิดวินัยบัญญัติ
ครูบาอาจารย์สมัยนี้ได้สร้างเครื่องรางของขลังขึ้นก็ด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีไว้เพื่อบรรเทาเวทนาทางกายเป็นหลัก และท่านก็ไม่เคยบอกว่ามีเครื่องรางของขลังแล้วไปพระนิพพานได้ ที่ไปได้นั้นคือพระธรรม เดินตามกระแสธรรมจึงพ้นทุกข์
ดังนั้นจะบอกว่าเครื่องรางของขลังเป็นหรือไม่เป็นเดรัจฉานวิชา ก็อาจกล่าวได้ทั้งสองอย่าง เพราะเหตุว่าเครื่องรางของขลังเป็นของที่ไม่ทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง แต่เครื่องรางของขลังก็ช่วยปุถุชนผู้ยังเวียนว่ายตายเกิดให้อยู่ในโลกนี้ได้อยู่ไปอย่างปลอดภัย และเป็นสุขประสาโลกได้ไม่มากก็น้อย
เรื่องนี้สุดแล้วแต่ใครจะเห็นอย่างไร
สำหรับผมเองไม่ว่าอะไร ไม่เถียงกับใครทั้งนั้น ผมแขวนพระเครื่องหรือไม่แขวนก็เรื่องของผม ผมจะขึ้นสวรรค์ลงนรกก็เรื่องของผม ใครก็ไม่เกี่ยว
ตัวใครตัวมันว่างั้นเถอะ
อย่างไรก็ตามหลวงปู่แหวนเคยกล่าวอีกว่า
“หลวงพ่อแช่ม เป็นพระที่มีสมาธิจิตสูงองค์หนึ่งเน้อ”
เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของนายสุมิตร พฤติปัญญาสกุล อยู่บ้านเลขที่ 14/50 ซ.ศูนย์วิจัย 6 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ
คุณสุมิตรเล่าว่าตัวเขาเองรวมทั้งพี่น้องอีก 2 คน มีความลำบากยากจนมาก ยิ่งเตี่ยมาสิ้นบุญไปยิ่งยากลำบาก แต่ว่าก่อนเตี่ยจะตายได้สั่งเสียให้พี่น้องทุกคนสามัคคีกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ที่สำคัญต้องช่วยเหลือกันและกัน สามพี่น้องก็ทนสู้อยู่กับกิจการค้าที่ล้มลุกคลุกคลานตลอดมา
วันหนึ่งมากราบหลวงพ่อแช่ม โดยที่ยังไม่ทันได้ระบายความทุกข์ให้ท่านฟัง ท่านก็กล่าวว่า
“อาเสี่ยทั้ง 3 คน นั่งรับน้ำชาก่อน มีทุกข์ร้อนอย่างไรอย่างลืมคำสั่งเตี่ยก่อนสิ้นบุญนะ”
คำพูดปฏิสันถารง่ายๆแค่นี้ทำเอาพี่น้องทั้งสามคนประหลาดใจ และในที่สุดก็ระบายความกลัดกลุ้มถวายให้ท่านฟังจนหมด
ท่านกล่าวปลอบว่า
“ไม่เป็นไรหรอก จดจำคำเตี่ยไว้ให้ดี อีกหน่อยจะรวยเป็นเถ้าแก่อาเสี่ยนายห้าง”
หลังจากนั้นมากิจการค้าต่างๆที่สามพี่น้องทำด้วยกันก็เจริญขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งทุกวันนี้มีกิจการมั่นคง มีโรงงานหลายโรง มีความกว้างขวางในทางธุรกิจ ย่านศูนย์การค้าวรรัตน์ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการค้าแถบนั้น
ต่อไปเป็นเรื่องของนางสี่ แรมชื่น อยู่ที่หมู่ 1 ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม
นางสี่พาญาติ 2 คน คือ นางเสงี่ยม ยืนยง และนางสมพร เทพพิทักษ์ มากราบหลวงพ่อแช่มในวันที่ 10 ธันวาคม 2528 เพื่อขอให้ท่านลงหัวเมล็ดพันธุ์พืช ซึ่งนางสี่ได้เคยทำเช่นนี้มาโดยตลอด เดิมนางสี่ยากจนมาก เมื่อนำเมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการจะปลูกมาขอให้หลวงพ่อแช่มลง (อธิษฐานจิต) พืชพันธุ์ก็งอกงามได้ผลดีเกินคาดเพื่อนบ้านแปลกใจว่าทำไมสวนของนางสี่ไม่มีแมลงหรือโรคพืชรบกวน และสงสัยว่าใช้ปุ๋ยอะไร ซึ่งนางสี่ก็ประสบความสำเร็จในการปลูกพืชตลอดมา จากฐานะยากจนแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ มาเป็นคนมีอันจะกิน วันนี้จึงได้พาญาติสองคนมาขอความอนุเคราะห์จากหลวงพ่อแช่มเช่นเดียวกับตนเอง
หลวงพ่อก็ทำให้ไม่ขัดข้อง
ป้าพร อินเสือสี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 1 ต.ดอนขุนแก้ว อ.นครชัยศรี ได้เล่าว่าหลานชายชื่อเด็กชายจิ๋ว อินเสือสี อายุ 2 ขวบ พลัดตกลงในคลองใหม่ในขณะที่ป้าพรกำลังหลับ ครั้นตื่นขึ้นมาก็หาหลานไม่พบ ออกตามหาจนทั่ว พอพบเห็นหลานก็ตกใจเพราะว่าหลายชายลอยคออยู่ในคลองไม่จมน้ำ
ในคอแขวนเชือกจระเข้ขบของหลวงพ่อแช่มเส้นเดียว
ป้าพรบอกว่าเรื่องเชือกจระเข้ขบนี้เชื่อถือมาก เพราะว่ามีเรื่องช่วยเหลือหลานสาวอีกคน คือเด็กหญิงหนุ่ย อินเสือสี ซึ่งเป็นลูกสาวของนายสมบูรณ์ อินเสือสี เด็กหญิงหนุ่ยอายุ 6 ขวบ เข้าไปเล่นใกล้กรงเสือในบริษัทเดลินิวส์ ถูกเสือตะปบลากเข้าไปชิดกรงและกัดที่ขากระทั่งรองเท้าขาดหลุดลุ่ย แต่น่าแปลกใจที่เสือกลับเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายเด็กหญิงหนุ่ย กัดแล้วก็เลิก หันหลังหนีไป ส่วนรอยเสือกัดไม่มีปรากฏอยู่บนผิวหนังเด็กหญิงหนุ่ยเลย
ในคอผูกเชือกจระเข้ขบของหลวงพ่อแช่มเส้นเดียวเหมือนกัน
พูดถึงเชือกจระเขย้ขบแล้วต้องพูดถึงเชือกมงคลด้วยจึงจะครบถ้วน เชือกมงคลนี้เวลาพระสึกเมื่อไร หลวงพ่อจะคล้องคอให้ทุกคน นัยว่าจะเป็นการคุ้มครองและเสริมชะตา
เกี่ยวกับเชือกมงคลนี้ได้มีเหตุตื่นเต้นเกิดขึ้นในวันหนึ่ง คือมีกลุ่มชายฉกรรจ์จากอำเภอจอมบึงมากราบหลวงพ่อ พาเด็กหนุ่มวัยประมาณ 20 ปีมาด้วย 1 คน พวกเขาเชื่อว่าเด็กซึ่งมีหน้าที่ขับรถแทรกเตอร์ไถดันป่าใหญ่ในเขตจอมบึงถูกผีเข้า รักษามานานปีไม่หาย
หลวงพ่อเรียกเด็กหนุ่นคนนั้นให้เข้าไปหา เด็กหนุ่มซึ่งมีท่าทีเรียบร้อยมาแต่แรกเปลี่ยนกิริยาเป็นฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ร้องตะโกนใส่หลวงพ่อว่า
“กูไม่ยอม กูไม่ยอม กูจะได้อภิญญาแล้ว ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้”
ร้องตะโกนแล้วถลันเข้าใส่หลวงพ่อ
พวกลูกศิษย์เกรงหลวงพ่อจะได้รับอันตรายก็กรูกันเข้าขนาบข้างตัวหลวงพ่อ ระวังภัยให้ท่าน แต่ท่านเฉยอยู่ พอได้โอกาสท่านก็โยนเชือกมงคลใส่เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแม่นยำ พอเชือกคล้องคอเด็กหนุ่มแล้ว มีอันล้มตึงลงกับพื้นดิ้นรนสุดฤทธิ์สลบไป
ราว ๆ 3 นาทีต่อมาก็ฟื้นคืนสติ หายเป็นปลิดทิ้ง
นี่คือเชือกมงคล ของแจกฟรีที่ท่านจะมอบให้กับผู้ไปกราบอย่างไม่อั้น
ผมเคยไปกราบหลวงพ่อในตอนเย็นๆของวันหนึ่ง ไม่พบท่านที่กุฏิ ลูกศิษย์บอกว่าท่านอยู่หลังวัด จึงติดตามหาท่านจนพบ เห็นว่าท่านออกมาเดินพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศพร้อมกับเณรน้อยรูปหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นท่าทีหลวงพ่อปรากฏเป็นส่วนตัวอย่างนี้มาก่อน ดูท่านสบาย และสงบอยู่ตามลำพัง จึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนท่าน แต่ท่านก็มองเห็นผมและโบกมือให้และไล่กลับไปคอยที่กุฏิ ผมก็ไม่ไป คงวนเวียนอยู่ห่างๆท่านเพื่อดูท่านในอิริยาบถปลอดโปร่งอย่างนั้น
มีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นแถวนั้น ผมเห็นท่านเดินเข้าไปลูบหัว แสดงเมตตาต่อเด็ก ที่คอเด็กแขวนเชือกมงคลและเหรียญของท่านทุกคน
ดูแล้วน่าศรัทธามาก
ถ้าใครไปกราบหลวงพ่อแล้วทราบว่าท่านอยู่หลังวัดขอความกรุณาอย่าไปรบกวนท่านเลยครับ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นการพักผ่อนของท่านอย่างหนึ่ง
เรื่องประสบการณ์ต่างๆที่แสดงความขลังศักดิ์สิทธิ์นั้น จริงๆแล้วผมไม่ใคร่อยากจะพูดถึงมากนัก
แต่เรื่องประสบการณ์ก็เป็นที่สนใจของคนทั้งหลายอยู่ดี จะไม่พูดเสียเลยก็ไม่ได้
มาดูประสบการณ์น่ากลัวอีกอันหนึ่งของคุณสุณี จินสมาน อาชีพรับเหมาถมดิน บ้านอยู่ละแวกบางแคนี่เอง
คุณสุณีได้เล่าเรื่องนี้ให้กรรมการวัดฟังขณะรอหลวงพ่อออกจากจำวัดในบ่ายวันหนึ่ง โดยเล่าว่า คุณสุณีได้ไปรับเหมาถมดินที่ดำเนินสะดวก ขากลับได้ขับรถผ่านโค้งดำเนิน ถูกดักยิงด้วยปืนอาก้า รถพรุนทั้งคัน คนขับรถถูกกระสุนที่หัวเข่านัดหนึ่ง รถปิคอัพที่ถูกยิงมีอาการสำลักจะดับมิดับแหล่ แต่ก็แล่นเลยมาได้อีก 200 เมตร จึงจอดสนิท คุณสุณีทิ้งรถและประคองคนขับหลบหนีลงข้างทาง คนร้าย 2 คนถือปืนอาก้าวิ่งตามมา แปลกที่คนร้ายทั้ง 2 หาตัวคุณสุณีและคนขับรถไม่พบ ทั้งๆที่เดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวขนาดมือเอื้อมถึง
ได้ยินเสียงบ่นของคนร้ายว่า
“มันหายไปได้ไงวะ”
พวกนั้นค้นหาอยู่ราว 15 นาทีก็เลิกและหนีไป
คุณสุณีแขวนเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแช่มเพียงเหรียญเดียว
อีกรายหนึ่งคือ คุณจิ๋งไล้ แซ่ตั้ง อยู่บ้านเลขที่ 31 หลังสถานีรถไฟนครปฐม คุณจิ๋งไล้ได้พบคนจีนด้วยกันคนหนึ่ง อ้างว่าแซ่ตั้งเหมือนกัน และได้ขอให้ช่วยหางานให้ทำ คุณจิ๋งได้ตกลงจะให้ทำงานขายอะไหล่เรือน้ำเค็ม และได้พาชาวจีนคนนั้นมาที่โกดังเก็บของ พอได้ทีเผลอ คนแซ่ตั้งคนใหม่ก็ออกลาย คว้าขวดตีหัวคุณจิ๋งไล้ข้างหลัง ขวดแตกละเอียด พอคุณจิ๋งไล้หันกลับมา คนจีนคนนั้นก็คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้ขึ้นมาสับใส่ร่างกายคุณจิ๋งไล้จนล้มลง และสับซ้ำซากจนแน่ใจว่าตายสนิท ต่อจากนั้นได้ปลดทรัพย์คุณจิ๋งไล้ไปจนหมด รวมแล้วมีทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปดังนี้ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท นาฬิกาเรือนทองคำหนัก 3 บาท
คุณจิ๋งไล้ฟื้นขึ้นมาภายหลัง ยังสามารถประคองตัวเองกลับบ้านได้ ภรรยาคุณจิ๋งไล้นำความเข้าแจ้งตำรวจให้ติดตามจับตัวคนร้ายรายนั้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์ตรวจอาการแล้วบอกว่าไม่เป็นไร นอกจากฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น และแพทย์แสดงความแปลกใจว่า ถูกจอบสับจนทั่วตัวอย่างนี้ทำไมมีแผลแค่เลือดซิบ ๆ
แพทย์ท่านนั้นคงสนใจเรื่องวัตถุมงคลเหมือนกัน เพราะว่าได้ถามคุณจิ๋งไล้ว่ามีอะไรดีหรือ พอทราบว่าคุณจิ๋งไล้แขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแช่มก็ร้องว่าหลวงพ่อแน่จริง ๆ
เหรียญโก๋เสาร์ 5 ก็ใช่ย่อยนะครับ มีเรื่องปรากฏขึ้นกับ คุณตี๋ หรือคุณอินศักดิ์ แซ่อึ้ง บ้านเลขที่ 546/1 ถ.พระงาม ช้างวัดเสน่หา อ.เมือง จ.นครปฐม
ประมาณปี 2518 คุณตี๋รับคำชวนของพี่ชาย ซึ่งค้าขายอยู่ตลาดโบ๊เบ๊ให้ร่วมเดินทางไปส่งเสื้อผ้าที่จังหวัดสกลนคร มีลูกน้องไปด้วยอีก 2 รวมเป็น 4 คน ระหว่างที่รถวิ่งอยู่บนภูพานเวลาประมาณ 5 โมงเย็น มีคนร้ายถือปืนคาร์บินออกมาสกัดรถ 3 คน สาดกระสุนใส่ทันที พี่ชายคุณตี๋ถูกปืนถึงแก่ความตายคารถ คนขับถูกยิงกรามหลุด รถต้องมีอันจอดสนิทลง
คุณตี๋คิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว คนร้ายได้เข้าค้นตัวเอาเงินจากคุณตี๋ไป 300 บาท ส่วนลูกน้องอีกคนที่ยังไม่ถูกปืนก็ถูกตีหัวแตกเลือดอาบ คนร้ายไม่พอใจที่ได้เงินจากคุณตี๋น้อยไป ได้เอาปืนจ่อเข้าที่หน้าแล้วเหนี่ยวไกยิง
เสียงปืนดังแชะ แชะ
พอดีมีรถคันอื่นวิ่งสวนเข้ามา คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงถอนตัวหลบหนีไป
ในคอคุณตี๋แขวนเหรียญโก๋เสาร์ 5 เพียงเหรียญเดียว
คุณตี๋บอกว่าเหรียญนี้เขาเก็บได้ที่ตลาดท่ารถบางเลนตรงหน้าร้านจันอับ
เหรียญเก็บตกจากข้างถนนแท้ ๆ มาช่วยชีวิต
ลักษณะของเหรียญโก๋เสาร์ 5 เป็นเหรียญกลมใหญ่ ทำเป็นรูปหลวงพ่อแช่มนั่งเต็มองค์ ที่ขอบเหรียญโดยรอบมีอักขระขอมข้างบนและข้างล่างมีหนังสืออ่านว่า “หลวงพ่อแช่ม 67” ตัวเลข 67 นี้แสดงอายุของหลวงพ่อขณะสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา
ความจริงประสบการณ์หรืออภินิหารของวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มยังมีอีกมาก ผมเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมักมีความคล้ายคลึงกัน ไม่ถูกยิงถูกแทงก็เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นมีอยู่แน่นอน