[ใหม่] คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100%

616 สัปดาห์ ที่แล้ว - ชลบุรี - คนดู 291
รายละเอียด

  


ลิควิดคลอโรฟิลล์ 
 200 ml. ราคาขาย 900 บาท ซื้อ 3 ขวด ส่ง EMS ฟรีทั่วประเทศ
ติดต่อได้ที่ คุณ ณชลนิภา (หน่อย)  AIS 087-1455356,085-
6993771   DTAC 090-0788753  


วิธีสังเกตุคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100%

   ให้ผสมน้ำตั้งไว้ 8 ชั่วโมง ถ้าสังเกตเห็นการตกตะกอนอยู่ที่ก้นแก้ว แสดงว่าไม่ใช่ ของแท้ อาจมีส่วนผสมของสารประกอบ เพราะคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100% เต็ม ถ้าเรา ผสมทิ้งไว้ สามารถรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำบริสุทธิ์ ได้โดยไม่ต้องเขย่า คลอโรฟิลล์ จะละลายไปในน้ำได้โดยอัตโนมัติ จนเต็มหมดทั้งภาชนะที่บรรจุ

ลิควิดคลอโรฟิลล์ Liquid Chlorophyll (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลิควิดคลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ)

     เมื่อเจือจาง ใน 1 ช้อนโต๊ะ มีน้ำคลอโรฟิลล์ 15 มล. ให้โซเดียมคอปเปอร์ คลอโรฟิลล์ 120 มก.

*วัตถุดิบนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา

วิธีใช้ : ผสม 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) ในน้ำ 1แก้ว (150 มล.) ใช้ดื่มเวลาเช้าและเย็น

วิธีเก็บรักษา : ควรเก็บไว้ในตู้เย็นหลังจากเปิดขวดแล้ว

ควรเขย่าก่อนรับประทานทุกครั้งและหลีกเลี่ยงการผสมน้ำอุ่นและน้ำร้อน

ความรู้เกี่ยวกับคลอโรฟิลล์

   คลอโรฟิลล์ คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียวและทำหน้าที่หลัก คือ สังเคราะห์แสง ( PHOTOSYNTHESIS ) โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ ก๊าชคาร์บอนได้ออกไซด์และแร่ธาตุต่าง ๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งให้ก๊าชออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์  คลอโรฟิลล์ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้น แต่บางชนิดสังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ในร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงาน หรือปฎิกิริยาของคลอโรฟิลล์ต่อคน  พบว่าคลอโรฟิลล์ที่มีอยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยผนัง หรือเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่ง ทำให้ระรบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อย เพื่อให้ได้สารคลอโรฟิลล์ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้ ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้งคลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้จะละลายได้ในไขมันหรือใน แอลกอฮอล์บางชนิดเท่านั้น  แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราสามารถสกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีอย่างเต็มที่ และเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ (Water Soluble Chlorophyll)  จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร

   ด้วยโครงสร้างของโมเลกุลที่ใกล้เคียงกับโมเลกุลของเม็ดเลือดแดงต่างกัน เฉพาะตรงกลางที่คลอโรฟิลล์มีแมกนีเซียมและเม็ดเลือดแดงมีเหล็ก จึงทำให้สีต่างกัน คือ คลอโรฟิลล์มีสีเขียวแต่เม็ดเลือดมีสีแดง จากจุดนี้เองที่ทำให้คลอโรฟิลล์ถูกเรียกว่า “เลือดของพืช” ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทยษ์มากมาย สรุปตรงกันออกมาว่า คลอโรฟิลล์สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้จนผู้ทำวิจัยได้รับรางวัล โนเบล (NOBLE PRIZE) ไปแล้วถึง 2 ท่านด้วยกัน

   จากการทำวิจัยขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา กับผู้ป่วยแผลเปิด จำนวน 3,600 ราย พบว่าคลอโรฟิลล์ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ให้เร็วขึ้น ทำให้แผลหายเร็วกว่าปกติ 25% ขึ้นไปและรอยแผลเป็นลดขนาดลงกว่า 50% หรือมากกว่า

คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร

จากประสบการณ์ของผู้ใช้ – ผู้บริโภคจากทั่วโลก ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ดังนี้

  • ทำให้ร่างกายสดชื่น  หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย
  • ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
  • ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษ ทุเลาลง
  • ขับกรดจากข้อต่อต่าง ๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง
  • ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฎิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • ทำให้ระเบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
  • ป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า
  • บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้
  • บรรเทาอาการปวดศรีษะทั่วไป และปวดศรีษะไมเกรนได้
  • แก้ปัญหาสิวผ้า ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจาก หนงสือและข้อเขียนของ ดร.ฮาวเวิร์ด  ไปเปอร์ (DR.HOWARD PEIPER)

ทำไมเราจึงป่วย?

  สาเหตุที่เราป่วยก็คือ “ออกซิเจนไม่บริสุทธิ์” ถ้าเราทำเซลล์ให้บริสุทธิ์ ก็คือ ออกซิเจนบริสุทธิ์ แล้วเราก็จะไม่ป่วยเลย ออกซิเจนบริสุทธิ์ก็มาจากร่างกายคนเรา ที่มีออกซิเจนอยู่ถึง 65% ถ้าเราหายใจเอาก๊าชออกซิเจนเข้าไปในร่างกายแต่ใน  อากาศเป็นพิษ  ออกซิเจนจากอากาศไม่บริสุทธิ์ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ และอีกอย่างหนึ่งคือการบริโภคอาหาร เมื่อชิมอาหารเข้าไปในเส้นเลือดออกซิเจนที่ ไม่บริสุทธิ์ซึ่งอยู่ในอาหารก็ จะเข้าสู่เซลล์ของร่างกายเรา จึงทำให้เราป่วย เพราะ อาหารไม่บริสุทธิ์



 

คำถามที่พบบ่อยที่สุดของคลอโรฟิลล์

    1.  ทำไมมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช
          โครงสร้างร่างกายของมนุษย์คล้ายสัตว์กินพืชจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทีมีฟันแหลมคมพอที่จะกัดกินและฉีกเนื้อหนังกระดูกของ สัตว์ได้ ลำไส้ของมนุษย์ยาวมากเป็นเหมือนลักษณะของสัตว์กินพืชชั้นสูงส่วนสัตว์กิน เนื้อจะมีโครงสร้างที่มีการขับถ่ายที่เร็วที่สุดเหมือนกับมนุษย์

          2. เพราะอะไรเนื้อสัตว์ จึงอันตราย .....?
          ในเนื้อสัตว์ มีไขมันสัตว์จะมีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรรอลสูง ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตันและหลอดเหลือผนังแข็งตัวและโรค หัวใจ คนส่วนใหญ่ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์มักจะเป็นโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตัน กันมาก

          3. คลอโรฟิลล์ จากต้นอัลฟัลฟ่าดียังไง .... ?
          คลอโรฟิลล์ คือ สารที่เป็นรงควัตถุสีเขียว ที่มีอยู่ในพืชทั่วไปแต่สำหรับต้นอัลฟัลฟาจะมีคอลโรฟิลล์ปริมาณที่สูงกว่า พืชชนิดอื่น ๆ หลายเท่าตัวซึ่งอุดมด้วยโภชนาการ ได้วิเคราะห์แล้วพืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด รวมถึงสมุนไพรต่าง ๆ จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่านั้นในที่สุดก็พบว่า ต้นอัลฟัลฟ่า นั้นคือ พืชอาหารในฝัน เป็นพืชตะกูลถั่ว
          4. คลอโรฟิลล์ดีต่อร่างกายมนุษย์อย่างไร .... ?
          คลอโรฟิลล์เป็นอะตอมของธาตุแมกนีเซียม ส่วนของฮีโมโกลบิลเป็นอะตอมของธาตุเหล็กซึ่งมีหน้าที่จับออกซิเจนเพื่อพาไป เลี้ยงเนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อสร้างพลังงานเพราะว่าปกติร่างกายมนุษย์เม็ดเลือดจะถูกทำลาย ตลอดเวลาประมาณ 2 – 2.5 ล้านเซลล์ต่อวัน คลอโรฟิลล์จะช่วยชำระล้าง ขจัดสารพิษและสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย รักษาสมดุล บำรุงรักษา คือเสริมบำรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า “ เลือดพืชมีสีเขียว เลือดมนุษย์มีสีแดง มนุษย์จะมีสุขภาพที่ดีได้เลือดจะต้องไม่มีสารพิษ จงล้างสารพิษด้วยสีเขียว”

   5. ผู้ที่ได้รับประโยชน์จาก คลอโรฟิลล์ บริสุทธิ์!!
          -  ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียอยู่เสมอ เหนื่อยง่าย ผอมซูบซีด ปากเขียวคล้ำ
          -  ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระยะพักฟื้นหลังผ่าตัดที่มีการสูญเสียเลือดมาก สตรีหลังมีประจำเดือน
          -  ผู้ที่ต้องการกำลังงานจากก๊าชออกซิเจนมาก เช่น นักกีฬา หรือผู้ออกกำลังกาย
          -  ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติจากการเสื่อมของร่างกาย
          -  ผู้ที่ต้องการป้องกันภาวะความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ หรือการขับสารพิษที่คาดว่าจะมีการสะสมในร่างกาย
          -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบความดันโลหิตสูง  ไขมันในเส้นเลือดสูง เส้นเลือดตีบ
          -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันต่ำ หน้ามืดบ่อย อึดอัดหน้าอก หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่น
          -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น เกล็ดเลือดต่ำ เลือดจาง ปรับสมดุลของเลือด ล้างสารพิษ
          -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบน้ำตาลในในเลือดสูง สำหรับกรณีผู้ป่วย ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน

          -  มีอาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว
          -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับท้องผูกและระบบขับถ่าย        
   -  ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะมีลมในกระเพาะ สภาวะกรดไหลย้อน
          6.  คลอโรฟิลล์ทำให้ ผิวดีจริงหรือ...?
          เมื่อเลือดในร่างกายดีขึ้นก็จะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย จึงทำให้ผิวพรรณดีขึ้น ดังนั้นเรามักเห็นผู้คนหรือว่าดาราหันมาดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ หรือน้ำสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากทุกคนต้องการเก็บรักษาผิวพรรณเยาว์วัยของตนเอง ผิวพรรณสดใส ให้ทำให้จิตใจสดชื่นด้วยแลดูอ่อนวัยอยู่เสมอ
          7.  คลอโรฟิลล์ถ้าดื่มติดกันเป็นเวลานาน ๆ มีโทษหรือไม่....?
          จากการทดสอบพบว่า ไม่มีสารอันตรายในน้ำดื่มคลอโรฟิลล์ซึ่งไม่มีโทษต่อร่างกายหรือผู้บริโภคแต่ ประการใด และการที่ผู้ใช้ ใช้บริโภคเป็นเวลานาน ๆ ก็ไม่เคยเห็นใครเป็นอะไร แต่กลับมีผลตรงกันข้ามกลับทำให้ร่างกายของเราดีขึ้นอย่างไม่หน้าเชื่อ

          8.  คลอโรฟิลล์รักษาโรคได้หรือไม่...?
          คลอโรฟิลล์ไม่ใช้ยารักษาโรคแต่ทางการแพทย์ให้ คลอโรฟิลล์เป็นเหมือนตัวยาชนิดหนึ่งที่สามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโรคต่าง ๆ ได้เพราะคนไทยส่วนใหญ่ก็นิยมหันมาบริโภคคลอโรฟิลล์แทนยารักษาโรคเพื่อทดแทน การบริโภคสารอาหารจากพืชผัก ซึ่งตรงกับปรัชญาของ ศาสตราจารย์ เอห์เรต ที่ว่า  “ธรรมชาติอย่างเดียวเท่านั้น เป็นยารักษาโรคได้  ”
          9. ถ้าดื่มคลอโรฟิลล์แล้วทำไมร่างกายถึงป่วยหนักขึ้น...?
          อาการที่เกิดขึ้นเป็นปฎิกิริยาตอบรับของร่างกายเพื่อปรับสภาพกับคลอโรฟิลล์ ที่ดื่มเข้าไปเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น เจ็บปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทุกข์ทรมานมากกว่าเดิมซึ่งเป็นในลักษณะปฎิกิริยาในการโต้ตอบบำบัด หลังจากดื่มไปได้ซักระยะหนึ่งอาการเหล่านั้นก็จะบรรเทาลงแล้วค่อย ๆ หายไป และสุขภาพก็จะเริ่มดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น

          10.  เราควรดื่มต่อไปหรือไม่...?
          เมื่อร่างกายของเราแข็งแรงดีแล็ก็สามารถหยุดดื่มได้ แต่ท่านต้องไม่ได้รับสารพิษกลับมาสู่ร่างกายของท่านอีก และควรหลีกเลี่ยงสารเคมีตกค้างในอาหารรวมถึงอ๊อกซิเจนในอากาศเสียที่มีแต่ มลพิษ
   - เนื้อวัวที่เกิดจากการเลี้ยงโดยใช้ สารดีอีเอส ซึ่งเป็นตัวก่อมะเร็ง
   - เนื้อหมูที่เกิดจากการเลี้ยงโดยใช้ เลนดอน ซัลบูทามอล
   - เนื้อไก่ที่เกิดจากการเลี้ยงโดยใช้ฮอร์โมนฝังในหัวไก่
   - ไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ใส่สารฟอร์มาลีน
   - ไม่ควรบริโภคผักที่ปลูกโดยใช้ยาฆ่าแมลง
   - งดการใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร
   - งดการดื่มน้ำอัดลม น้ำตาลทรายขาวที่ผสมผงฟอกขาว ไม่ใช้ยาปฎิติชีวนะโดยไม่จำเป็น

ถ้าท่านยังไม่งดการบริโภคดังที่กล่าวมาข้างต้น
ท่านก็จะกลับไปเจ็บป่วยเนื่องจากการทรุดโทรมของร่างกายอีกครั้ง

เรื่องคลอโรฟิลล์

     คลอโรฟิลล์ ที่ทางการแพทย์ยอมรับคือ คลอโรฟิลล์ที่บริสุทธิ์ต้องมีสารคลอโรฟิลล์อย่างน้อย 95 % นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองจนในที่สุดพบว่า มันคือคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในน้ำ (Water Soluble Chlorophyll) ซึ่งครอโรฟิลล์โดยตัวของมันเอง..ไม่ละลายในน้ำ            
       ด้วยกระบวนการทางเทคนิคพิเศษอย่างน้อย 15 ขั้นตอนนี้ สามารถทำให้คลอโรฟิลล์ละลายในน้ำได้ ทางการแพทย์ได้ทำการวิจัยคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในน้ำกันอย่างกว้างขวางและ มากมายเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ (Medicinal Use) โดยเฉพาะกลุ่มนักวิจัยส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยเทมเปิล ประเทศสหรัฐอเมริกา นำทีมโดย นายแพทย์ลอเรนซ์ สมิท ซึ่งเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์สาขาพยาธิวิทยา ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญของคลอโรฟิลล์ชนิดละลายในน้ำได้ดังนี้
      1. เป็นสารบริสุทธิ์ควรเลือกใช้ทางคลินิก (Water soluble derivatives are purifred and much preferable in clinical use)
      2. ผลของการใช้นุ่มนวลและไม่มีอาการระคายเคือง (Bland and non – irritating)
      3. จากการทดลองในมนุษย์และสัตว์ในวิธีการของแพทย์ รวมทั้งการฉีดเข้าใต้ผิวหนังและฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ไม่ปรากฏอาการของพิษใด ๆ (Total absence of toxic effects)
             มีรายงานวิจัยอีกมากมายที่ใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ในการรักษาโรคลำไส้อักเสบ และอื่น ๆ ตลอดจนการใช้คลอโรฟิลล์รักษาสุนัขที่ป่วยด้วย  โรคผิวหนัง และกลิ่นตัวแรง นับเป็นจำนวนกว่าหมื่นตัว
 
      การใช้คลอโรฟิลล์เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
                ในปัจจุบันตลาดเสริมอาหารใน อเมริการ ยุโรป และบางประเทศในแถบเอเชียมีคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ คือ ชนิดที่ละลายในน้ำ ที่สามารถซื้อหามาได้ในราคาพอสมควรซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ที่ ไม่สามารถจะรับประทานพืชผักได้วันละกว่าหนึ่งกิโลกรัมอย่างชาวฮันซา หรือแม้แต่พืชผักสดผลไม้สดวันละอย่างน้อย 500 กรัม ซึ่งคนทั่วไปคงจะปฏิบัติตามได้ยาก ฉะนั้นคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์คือยอดของสารอาหารที่สกัดมาจากพิชผักสีเขียว จึงช่วยส่งเสริมบำรุงสุขภาพของเราให้ดีขึ้นดังต่อไปนี้

1.  ระบบเลือด 

     คลอโรฟิลล์ ทำหน้าที่บำรุงเลือด ล้างพิษและทำลายอนุมูลอิสระ (Free Radicals)ในเม็ดเลือด ทำให้เลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวัดและเห็นผลได้ชัดเจน  

     การล้างพิษในเลือด การทำลายอนุมูลอิสระในเลือด การทำความสะอาดให้กับเลือด ทำให้เลือดทำงานมีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นส่วนสำคัญมากในการที่จะมีสุขภาพแข็งแรง เป็นหัวใจของการกำรงชีวิตให้ยืนยาวและมีความสุข   คลอโรฟิลล์ช่วยลดความดันโลหิตสูง เลือดที่มีความดันสุงทำให้เหนือยง่ายเป็นลมง่าย ที่สำคัญคือทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น คลอโรฟิลล์ช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ ช่วยปรับการหมุนเวียนของโลหิตทั้งร่างกายให้ดีขึ้น คลอโรฟิลล์ไม่มีผลกับผู้ที่มีความดันเลือดปกติ  คลอโรฟิลล์จึงเป็นเสริมอาหารบำรุงเลือดที่ดีที่สุด

2. ระบบทางเดินอาหาร 

       คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ล้างพิษโดยตรงในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ ทำลายพิษตลอดระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นของอุจจาระอีกด้วย คลอโรฟิลล์ช่วยสมานแผลที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหารและลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากอาหารเป็นพิษ กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ คลอโรฟิลล์จะไปเคลือบบริเวณที่อักเสบและไปกระตุ้นเนื้อเยื่อให้ฟื้นตัวขึ้น มา
     ในสองสามวันแรกที่รับประทานคลอโรฟิลล์ อาจจะพบว่าอุจจาระมีสีเขียว เป็นเพราะสีเขียวของคลอโรฟิลล์ในส่วนที่ร่างกายดูดซึมไม่หมด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผนังลำไส้มีความสกปรกมานานแล้ว เมื่อรับประทานไปได้สัก 2 – 4 วันลำไส้จะสะอาดขึ้น สีเขียวจะค่อย ๆ จางลงไป ถ้าถ่ายเหลวมากไปไม่ใช่เพราะว่าเป็นผลข้างเคียงของคลอโรฟิลล์ แต่เป็นสิ่งที่แพทย์ธรรมชามติบำบัดเรียกว่า “ปฏิกิริยาตอบโต้การบำบัด (Healing Reaction) คืออาการอย่างหนึ่งของร่างกายที่คายพิษออกมา

3. บำรุงปาก ฟัน และระงับกลิ่นปาก

    คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์บำรุงสุขภาพของเหงือกและฟันให้แข็งแรง โรคเหงือกอักเสบและแผลในช่องปากจะทุเลาลงภายใน24 ชั่วโมง หลังจากอมน้ำคลอโรฟิลล์ วันละ 2 – 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2 – 3 นาที คลอโรฟิลล์จะไปเคลือบเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในช่องปาก ไปฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้ทำงานดีปกติ  การอมคลอโรฟิลล์โดยเฉพาะมื้อก่อนนอนสำคัญที่สุด จะช่วยลดการเสื่อมของเหงือกและฟันได้ดี อมแล้วอย่าบ้วนทิ้ง ให้กลืนลงไปได้เลยเพื่อคลอโรฟิลล์จะได้ตามไปดับกลิ่นในกระเพาะอาหาร ลำไส้และทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย  คลอโรฟิลล์ระงับกลิ่นปากได้ดี มนุษย์จะกลืนน้ำลายเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่มีคลอโรฟิลล์เหลืออยู่ภายในช่องปาก แต่เศษอาหารยังคงอยู่ตามซอกฟัน  อมคลอโรฟิลล์ทุกวันก่อนนอนเป็นการบำรุงปากและฟันที่ดีมาก

4. รักษาแผลต่าง ๆ

    คลอโรฟิลล์สามารถกำจัดแบคทีเรียและยับยั้งการเจริญเติบโตได้บางชนิด แต่ที่สำคัญคือคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ทำหน้าฟื้นฟูเนื้อเยื่อของแผลทุกชนิดทั้ง ภายนอกและภายในร่างกาย ซึ่งคุณสมบัติอันนี้ นายแพทย์ เดวิด สตีนบล็อค เชื่อ ว่ากลุ่ม ฟอร์ไฟริน (Porphyrin = โครงสร้างวงแหวน 5 เหลี่ยมของคาร์บอน 4 อะตอม ไนโตรเจน 1 อะตอม) เป็นจำนวนมากของคลอโรฟิลล์ไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสท์แผลจะมีพอร์ไฟรินอยู่ มากมายช่วยรักษาแผล แผลจะหายเร็วกว่าปกติ

5.  ระงับกลิ่น

     กลิ่น ตัวแรงมีพื้นฐานมาจากรับประทานเนื้อสัตว์มาก โดยประกอบกับการย่อยอาหารและการดูดซึมของลำไส้ที่ระบบการทำลายกลิ่นทำงานไม่ ได้ผลเท่าที่ควร กระแสโลหิตจึงพาเอากลิ่นที่ไปกับอาหารเหล่านี้ไปสู่ผิวหนังและออกมาเป็น เหงื่อ การที่เหงื่ออกเป็นการล้างพิษอีกวิธีหนึ่ง แต่กลิ่นเหงื่อที่รุนแรงผิดปกติ คือกลิ่นตัวแรง ย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนาของคนทั่วไป
                ดร.เวสต์คอตต์  ได้วิจัยพบว่าคลอโรฟิลล์ สามารถกำจัดกลิ่นตัวได้ดี ผู้ที่มาทำการรักษาบางรายไม่มีกลิ่นตัวเหม็นเหลืออยู่เลย บางรายอาจมีกลิ่นตัวลดลงมาก แม้จะไม่หมดแต่ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจกลิ่นอุจจาระที่รุนแรง การผายลมที่มีกลิ่นแรงมาก จนบางรายจะสังเกตได้ว่ามีแมลงวันบินอยู่รอบ ๆ ตัว ตลอดจนการเรอออกมามีกลินผิดปกติเหล่านี้ เป็นผลจากการเน่าเหม็นของอาหาร การรับประทานคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 60 -120 มิลลิกรัม (8 – 15 ซีซี) ทุกคั้งหลังอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะแก้ไขปัญหาของกลิ่นเหล่านี้ได้ดี

6. ควบคุมความสมดุลของแคลเซี่ยม               

     ผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์(ที่เลี้ยงด้วยสารเคมี) เป็นอาหารหลัก จะขาดความสมดุลของธาตุแคลเซี่ยม ผู้ที่บริโภคเนื้อเกินไปส่วนมากเป็นโรคขาดความสมดุลของแคลเซี่ยมแทบทั้งสิ้น แคลเซี่ยมทำหน้าที่หลายอย่าง การขาดแคลเซี่ยมทำให้ป่วยเป็นโรคสารพัดชนิดตั้งแต่โรคกระดูกผุ โรคหัวใจ โรคกล้ามเนื้อ โรคผิวหนัง โรคเลือดไม่แข็งตัวเมื่อมีบาดแผล
                การคืนความสมดุลของแคลเซี่ยมทำได้โดยอาศัยหลักของธรรมชาต์ 2 ประการคือ
ประการแรก ออกกำลังกายกับกระดูกโดยการเดินให้มีแรงกระแทก เป็นวิธีที่ดีที่สุดทำให้เซลล์กระดูกมีการสร้างได้ดีและรวเร็ว และทำให้การสูญเสียกระดูกเกิดขึ้นช้า การวิ่งเหยาะที่เรียกว่า จ๊อกกื้งครั้งละ 20 – 40 นาที อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 – 3 วันก็ได้ผลดี การเดินนอกจากเป็นการออกกำลังกระดูกและกล้ามเนื้อแล้ว ยังทำให้สารพิษต่าง ๆ ในเส้นเลือดดำที่ถูกฟอกจากปอดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้รวดเร็วขึ้น
ประการที่สอง  การบริโภคพืชผักสดมาก ๆ เพื่อต้องการคลอโรฟิลล์ เป็นวิธีธรรมชาติของชาวฮันซา ชาวฮันซามีการควบคุมความสมดุลของแคลเซี่ยมในร่างกายได้ดีเยื่ยม เป็นเพราะผลของคลอโรฟิลล์จากพืชผักสีเขียวนั่นเอง

7.   โรคภูมิแพ้

      โรคภูมิ แพ้โดยทั่วไปเกิดจากการที่อากาศเป็นพิษ โดยการสะสมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ นั้นนอกจากจะได้มาจากการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะแล้ว ในตัวของมันเอง เช่น อาหารจานด่วน หรืออาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ยังเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดสารมูก ทำให้การดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ น้อยลง ตัวสารมูกเองบางส่วนเข้าไปกระแสเลือดเกิดเป็นพิษขึ้น ทำให้เกิดป่วยเป็นโรคต่าง ๆ  คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์เป็นเสริมอาหารและยังใช้ภายนอก (หยอดหรือทา) เพื่อล้างพิษช่วยบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ ได้ดี ทำให้หายจากอาการต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น เช่น อาการเจ็บคอ และต่อมทอนซิลอักเสบ ใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ในน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1 ต่อ 5 ส่วนถึง 1 ต่อ 10 ส่วน กลั้วคอทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง จะช่วยระงับการอักเสบได้ดี

8.  ยาบำรุงร่างกาย

     อาหาร 5 หมู่ประกอบด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรท (แป้ง) ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เหล่านี้ร่างกายเราต้องการในสัดส่วนที่พอเหมาะ ถ้าได้รับมากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะทำให้ร่างเจ็บป่วย อาหาร 5 หมู่ มีขนาดใหญ่ ซึ่งร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ทันที ระบบทางเดินอาหารจะมีการย่อยอาหาร 5 หมู่ ให้มีขนาดเล็กลงเป็นโมเลกุลที่พอเหมาะ เพื่อเข้าสู่กระแสโลหิตและน้ำเหลือง  ดังนั้น คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่ส่งเสริมขบวนการเมตาโบลิสม์ให้ทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และสอดคล้องร่วมกัน (Synergistic and combined function)โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลอโรฟิลล์ไปกระตุ้นการทำงานของวิตามินและแร่ ธาตุต่าง ๆ เช่น ควบคุมความสมดุลของแคลเซี่ยมในร่างกาย

คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้คือ

1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเรียกว่าสารแอนติอ๊อกซิแด๊นท์ เป็นสารล้างสารพิษในเลือดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เม็ดเลือดที่เกาะกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนกระจายตัวออกจากกันได้ภายใน 20 – 30 นาที
2. กองทัพบกสหรัฐอเมริกาทำการทดลองในหนูที่โดนสารกัมมันตรังสี พบว่าหนูที่ให้คลอโรฟิลล์มีอายุยืนนานเป็นสองเท่าของหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับ คลอโรฟิลล์
3. มีการทดลองในหนูที่เลี้ยงอยู่ในสภาวะแวดล้อมอย่างเดียวกัน แล้วแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเลี้ยงตามปกติ ส่วนกลุ่มสองเสริมอาหารด้วยคลอโรฟิลล์ จากการทดสอบความแข็งแรงของพลังกล้ามเนื้อโดยให้หนูว่ายน้ำ ผลปรากฏว่า หนูกลุ่มแรก ว่ายน้ำได้ 1 ชั่วโมง กลุ่มสอง ว่ายน้ำได้นานถึง 3 ชั่วโมง
4. มีการทดลองเจาะเลือดในหนูออกแล้วแทนที่ด้วยน้ำเกลือทดลอง ทำให้หนูเสียชีวิตภายในระยะเวลาอันสั้น แต่เมื่อแทนที่เลือดด้วยคลอโรฟิลล์ปรากฏว่าหนูมีชีวิตต่อไปได้ตามปกติ
 
          จากคุณสมบัติทั้ง 4 ประการนี้ จะเห็นได้ว่าคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์มีส่วนช่วยให้ชีวิตยืนยาวและทำให้ร่างกาย แข็งแรงดีขึ้นมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ที่ใช้เป็นเสริมอาหารบำรุงร่างกายจะสมควรได้รับการ เลื่อนชั้นเป็น “ยาอายุวัฒนะ” ในมนุษย์ได้หรือไม่นั้น....ในอนาคตอันใกล้นี้ผู้ใช้คลอโรฟิลล์จะเป็นผู้ให้คำตอบได้เอง

  "คลอโรฟิลล์ บริสุทธิ์ "

       ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นสารอาหารใช้เพื่อให้ร่าง