[มือสอง] พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมท์คะแนน
รายละเอียด
เนื่องจากปัจจุบันพระสมเด็จที่จัดสร้างโดยสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ทั้งสามวัด ได้แก่วัดระฆัง วัดบางขุนพรหม และวัดเกศไชโย มีค่าความนิยมสูงและเป็นที่สุดยอดแห่งการแสวงหาของนักนิยม สะสมพระเครื่องและบุคคลทั่วไป เป็นอย่างมาก ซึ่งการพิจารณาพระสมเด็จ จะศึกษาจากหลักใหญ่ ๆ ได้แก่ พิมพ์ทรงหนึ่ง เนื้อหามวลสารหนึ่ง และธรรมชาติความเก่าหนึ่ง ซึ่งการที่จะให้เกิดความกระจ่างในการศึกษาพระ สมเด็จให้พอวินิจฉัยได้ด้วยตนเอง ต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการศึกษาข้อมูล ทั้งยังต้องมีโอกาสได้ผ่านตาพระ สมเด็จแท้ ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันมีความยากลำบากอย่างยิ่งที่จะหาตัวอย่างพระสมเด็จแท้ ๆ สักองค์มาได้พิจารณาเนื่องจากค่านิยมของพระสมเด็จทั้งสามวัดมีราคาสูงมากถึง หลักล้านบาท ทำให้เกิดอุปสรรคยากลำบากต่อการศึกษาความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จ เป็นอย่างมาก
ซึ่งการศึกษาพิจารณาพระสมเด็จที่กล่าวมา จะศึกษาจากหลักใหญ่ ๆ ได้แก่ พิมพ์ทรงหนึ่ง เนื้อหามวลสารหนึ่ง และธรรมชาติความเก่าหนึ่ง ซึ่งการศึกษาในเรื่องของพิมพ์ทรงของพระสมเด็จที่มีมากมายหลายพิมพ์ทรง แต่ละพิมพ์ทรงก็มีหลายบล๊อก ซึ่งอาจศึกษาได้จากหนังสือตำราต่าง ๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
เนื่อง จากการปลอมพระสมเด็จในด้านพิมพ์ทรงปัจจุบันใช้เทคนิคการปลอมอันทันสมัย เรื่องการถอดพิมพ์ให้เหมือนเกือบ 100 % แม้แต่เหรียญเก่า ๆ ของคณาจารย์ที่มีตำหนิในพิมพ์ทรงมากมายเพื่อการพิจารณา ก็มีการทำปลอมด้วย บล็อกคอมพิวเตอร์ ก็ยังทำได้เหมือนจนผู้ชำนาญการแยกของแท้กับของปลอมโดย พิจารณาจากตำหนิในพิมพ์ทรงก็ดูไม่ค่อยออก เพราะฉะนั้นในพิมพ์ทรงพระสมเด็จ ที่ไม่ได้มีตำหนิซับซ้อนเมื่อเทียบกับเหรียญคณาจารย์ ก็ทำให้ไม่ยากต่อการปลอมแปลงพิมพ์ทรงแต่อย่างใด ทำได้ง่ายมาก นอกจากนี้ในวงการพระสมเด็จในระดับสายตรงก็รับทราบกันทั่วไปว่ามีการพบแม่ พิมพ์ของพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ยุคเก่าตกค้างอยู่และมีนักปลอมพระสมเด็จระดับสุด ยอดทำการกดพิมพ์จากแม่พิมพ์จริงออกมาอาละวาดไปทั่ววงการจนโดนกันไปทั่วหน้า เพราะส่องอย่างไรก็มีพิมพ์ทรงถูกต้องทุกประการ ผิดกันที่เนื้อหามวลสารและความเก่าเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าแม่พิมพ์เดิมที่ตกค้างยังมีพิมพ์อื่น ๆ อีกหรือไม่ทำให้การศึกษาพระสมเด็จโดยเน้นพิมพ์ทรงเป็นสำคัญเป็นเรื่องยาก ขึ้น
ซึ่ง ท่านปรมาจารย์แห่งการศึกษาพระสมเด็จ ตรียัมปวายได้ให้ข้อเตือนใจนักนิยมพระ สมเด็จว่า จุดชี้ขาดของพระสมเด็จนั้นวัดกันที่เนื้อหามวลสารและธรรมชาติความ เก่า เป็นประเด็นสำคัญเหนือกว่าพิมพ์ทรง ดังนั้นการศึกษาในเรื่องเนื้อหาและธรรมชาติความเก่าของพระสมเด็จเป็นสิ่งที่ น่าสนใจในการศึกษา เพราะว่าถ้าแม่นเนื้อหามวลสารและธรรมชาติความเก่าก็จะมีพื้นฐานที่ดีต่อการ พิจารณาพระสมเด็จเป็นอย่างมาก
แต่การพิจารณาในเรื่องเนื้อหามวลสารและธรรมชาติความเก่าของพระสมเด็จ มีความยาก ลำบากต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องรวบรวมตัวอย่างของเนื้อหาของพระ สมเด็จทั้งสามวัดรวมทั้งพระตระกูลสมเด็จทุกตระกูลเพื่อเป็นพื้นฐานของการ วิจัยเชิงเปรียบเทียบด้านเนื้อหา โดยพิจารณาคำนวณอายุของเนื้อผงจากการประเมินทางสายตา เพื่อค้นหา ความแตกต่างระหว่างพระสมเด็จแท้กับพระสมเด็จปลอม และ พระสมเด็จแท้กับพระตระกูลสมเด็จที่เนื้อจัด
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความกระจ่างในการพิจารณาพระสมเด็จในด้านเนื้อหามวลสารและ ธรรมชาติความเก่า ทำให้อาจารย์อริยะ สุพรรณเภษัช ผู้อำนวยการโรงเรียนถนอมพิศวิทยา ที่เคยมีประสบการณ์จากการที่เคยศึกษาพระกรุเก่าโบราณเนื้อดิน-เนื้อ ชิน ขณะเมื่อเริ่มศึกษาจะชอบซื้อพระกรุที่สภาพสึก ๆ หรือเศษหักของพระกรุแท้ ๆ มาศึกษา ซึ่งจะทำให้มีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหามวลสารและธรรมชาติความเก่าของ พระได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้สามารถวินิจฉัยถึงสภาพความเก่าและประเมินอายุ ของพระนั้น ๆ ได้ว่าเป็นพระกรุของเมืองไหน ยุคใด สมัยใด จึงได้นำหลักการดังกล่าวมาใช้เมื่อต้องการศึกษาพระสมเด็จ
ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมาจึงได้พยายามรวบรวมพระตระกูลสมเด็จทุกสภาพเอาไว้จำนวนมากเพื่อนำมา ศึกษาโดยเช่าหาพระสมเด็จแท้ ๆ ที่แตกหักและพระตระกูลสมเด็จทุกสภาพจากนิตยสารพระเครื่องต่าง ๆ และจากสนามพระทั่วไป เพื่อนำมาพิจารณาวิจัยในเชิงเปรียบเทียบอายุความเก่า แต่ในปัจจุบัน พ.ศ. 2554 พบว่าสนามพระทั่วไปและพระที่ออกให้บูชาตามนิตยสารพระเครื่องที่เคยมี พระเนื้อผงตระกูลสมเด็จพิมพ์ต่าง ๆ ก็ไม่มีพระสมเด็จยุคเก่าให้บูชา ถึงมีก็มีราคาแพงอยู่ในหลักหมื่นทั้งเนื้อหาก็ไม่จัดจ้านเทียบยุคพระสมเด็จ ได้ ทำให้เกิดความยากลำบากต่อการศึกษามากขึ้น
ซึ่ง หลังจากศึกษามาหลายปี วันหนึ่งได้พบความลับบางประการในเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จ ทำให้ได้ข้อสรุป ชี้ขาดถึงการพิจารณาเนื้อหามวลสารและธรรมชาติของเก่าของพระสมเด็จได้ในระดับ หนึ่ง ทำให้รู้ว่าพระสมเด็จที่เคยคิดว่าแท้โดยดูจากเนื้อหาโดยรวมนั้น จริง ๆ แล้วมวลสารของสมเด็จบางตัวจะเป็นตัวชี้ขาดซึ่งความเก่าไม่เก่าของพระได้ อย่างเด็ดขาด ซึ่งถึงแม้ว่าเนื้อหาจะดูหนึกนุ่มน่าดูเพียงใดก็ตาม ถ้ามวลสารที่เห็นมันผิดจากที่กำหนดแล้ว พระองค์นั้นจะต้องเป็นพระสร้างภายหลังและไม่ถึงยุคสมเด็จทั้งสิ้น นอกจากนี้เนื้อหามวลสารบางอย่างถ้าเราศึกษาจริงก็จะพบว่ามีเฉพาะในพระสมเด็จ เท่านั้น ถ้าเราค้นพบมวลสารดังกล่าวประกอบกับเนื้อหาที่จัดถึงยุค ก็น่าจะสามารถฟันธงได้อย่างมั่นใจ
เนื่องจากการที่อาจารย์อริยะได้สะสมพระสมเด็จของสามวัดหลักและพระตระกูล สมเด็จแทบทุกวัดในสภาพพระสึกและเศษหักต่าง ๆที่ขาดความสวยงามแต่มวลสารจัดดูง่ายในเนื้อหาที่เรียกหากันว่าพระสมเด็จ เนื้อครู ไว้เป็นจำนวนมากหลายสิบกล่องใหญ่ ที่ใช้เวลารวบรวมมามากกว่าสิบปี ตอนแรกคิดว่าพระสมเด็จเหล่านั้นเมื่อได้ศึกษาผ่านไปแล้วก็คิดจะขายออกไป ราคาถูก ๆ เพื่อเอาทุนคืน
แต่อาจารย์อริยะ เห็นว่าปัจจุบันมีผู้ที่นิยมพระสมเด็จเป็นจำนวนมากต้องประสบความยากลำบากใน การศึกษาพระสมเด็จด้านการพิจารณาเนื้อหาและธรรมชาติความเก่าเนื่องจากขาด ตัวอย่างพระสมเด็จเนื้อครูเพื่อที่จะนำมาศึกษา ดังนั้น การศึกษาเชิงเปรียบเทียบผ่านเศษหักของพระสมเด็จทั้งสามวัดและพระกูลสมเด็จ อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่พอช่วยเหลือให้นักนิยมพระสมเด็จให้มีสายตาที่พอจะ สามารถวินิจฉัยและประเมินถึงสภาพความเก่าของพระสมเด็จได้ด้วยตนเองในระดับ หนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าจึงได้เปิดหลักสูตรเซียนมวลสารสมเด็จ เพื่อศึกษาพระสมเด็จด้วยการพิจารณาเนื้อมวลสารและธรรมชาติความเก่าเชิง เปรียบเทียบผ่านเศษแตกหักของพระสมเด็จทั้งสามวัดและพระตระกูลสมเด็จขึ้น
สำหรับ ผู้ที่สนใจจะศึกษาพระสมเด็จในแนวทางดังกล่าวกับ อาจารย์อริยะ สุพรรณเภษัช โดยผู้สนใจในการศึกษาอาจจะศึกษาพระสมเด็จเนื้อครูทุกองค์ผ่านทางเวปไซต์ ศูนย์ศึกษามวลสารพระสมเด็จในประเทศไทย ที่ตั้งอยู่บนเวปไซต์ของโรงเรียนถนอม พิศวิทยาได้ตามสะดวกโดยไม่คิดมูลค่า หรือถ้าต้องการศึกษาพิจารณาส่องดู เนื้อหามวลสารจากองค์ จริง ก็สามารถติดต่อเพื่อฝึกอบรมในหลักสูตรเซียนมวลสารสมเด็จ ในการควบคุมของ ศูนย์ศึกษามวลสารพระสมเด็จในประเทศไทย โดยติดต่อกับอาจารย์อริยะ สุพรรณเภษัช โดยตรง