[มือสอง] ฤาษีนารอดหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน เสกวัดเลียบ กทม ปี 32
577 สัปดาห์ ที่แล้ว
- กรุงเทพมหานคร - คนดู 699
รายละเอียด
ฤาษีนารอดหลวงปู่สรวงเสกวัดเลียบ กทม ปี 32 บรมครูผู้ประศาตร์วิชา เหมาะสำหรับนักแสดง นักดนตรี พ่อค้า ประชาชน ขอเงินได้เงิน ขอทองได้ทอง เนื้อทองฝาบาตร
เปิดให้บูชา องค์ละ 650 บาท
สนใจติดต่อ ธนวัฒน์ โทร0870977567 โทร0856892342 โทร 0877029896
ค่าส่งอีกองค์ละ 50 บาทส่งด่วนทางไปรษณีแพ็คกล่องอย่างดีกันกระแทกครับท่าน
ของแท้ราคาเบาๆ ทำเพื่อเผยแผ่คุณงามความดีของหลวงปู่ในราคาแบ่งกันใช้ครับ เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งก็จะนำไปทำบุญให้ทาน ตามที่หลวงปู่บอกมา รับส่วนบุญกันทุกคนครับ สวัสดี
และขอขอบคุณพี่อำพลเจนและคุณลุงบุญเลิศที่ถ่ายทอดเรื่องจริงวันนี้ให้พวกเราได้รับฟังกันครับ ขอให้มีความสุขมากๆครับ
หลังจากที่หลวงปู่สรวงบอกกับคุณลุงบุญเลิศว่าไม่อยากพักอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ก็ได้ชวนคุณลุงบุญเลิศออกจากบ้านของลูกศิษย์คนนั้นไป เดินตัดเข้าไปในป่าได้สักพักก็ไปเจอกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า หลวงปู่สรวงท่านก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่บอกให้คุณลุงบุญเลิศจัดการก่อไฟขึ้นที่ชายน้ำแล้วก็ไม่ได้สั่งอะไรอีก
คุณลุงบุญเลิศบอกว่าเวลาในขณะนั้นประมาณบ่ายแก่ๆใกล้จะค่ำแล้ว ทั้งแมลงและยุงเยอะมากแกก็เลยจัดการก่อไฟขึ้นตามคำสั่งของหลวงปู่สรวง จากนั้นก็นั่งผิงไฟเงียบๆอยุ่ที่ชายน้ำ ส่วนหลวงปู่สรวง ได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนกระต๊อบเล็กๆที่ปลูกอยู่ใกล้ๆจุดที่หยุดพักนั่นแหละ
นั่งกันอยู่อย่างนั้นได้สักพักประมาณชั่วโมงกว่าๆบรรยากาศโพล้เพล้แล้วหละ ผีก็เอาผ้าอ้อมออกมาตากให้เห็นเกลื่อนไปทั้งชายท้องฟ้าแดงเถือกไปหมด จู่ๆ
หลวงปู่สรวงก็ได้เอะอะขึ้นว่า
“โน่นพระใหญ่ พระใหญ่อยู่ที่ฝั่งโน้น ไปไหว้พระใหญ่กันดีกว่า”
พูดพร้อมกับเร่งคุณลุงบุญเลิศให้พาไปไหว้พระใหญ่ที่หลวงปู่สรวงท่านชี้ให้ดู โดยจะไปเดี๋ยวนั้นในทันที
คุณลุงบุญเลิศเล่าต่อว่า ทักท้วงอย่างไรหลวงปู่ก็ไม่ยอม จะไปไหว้พระใหญ่องค์ที่ท่านชี้ให้ได้ในเดี๋ยวนั้น ก็จะไปได้อย่างไรอ่างเก็บน้ำที่เห็นขวางอยู่นั้นเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่ มองเห็นฝั่งตรงข้ามเพียงริบๆ และไม่มีเรืออยู่แถวๆนั้นให้พอได้อาศัยสักลำ หากจะไปทางบกก็จะต้องย้อนอ้อมเข้าไปในตัว อ.อำนาจเจริญแล้วยังต้องข้ามไปเข้าทางด้าน อ.เขมราชซึ่งมีระยะทางที่ไกลเอาเรื่องอีกต่างหาก และการสัญจรในสมัยนั้น พื้นที่เขต อ.เขมราชน่าจะยังเป็นพื้นที่สีชมพูอยู่ ลำพังตัวหลวงปู่สรวงเองท่านคงไม่กระไรนัก แต่ตัวของคุณลุงบุญเลิศและลูกศิษย์อีกคนหนึ่งที่สติไม่ค่อยจะสมประกอบนี่สิ น่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเสี่ยงอยู่ไม่น้อย และอีกอย่างที่สำคัญก็คือรถยังจอดอยู่ที่บ้านของลูกศิษย์ที่นิยมชมชอบการพนันผู้นั้น กว่าจะไปถึงรถ กว่าจะกลับมารับหลวงปู่สรวง มันกินเวลาไปเยอะและกว่าจะไปถึงวัดพระใหญ่นั้นน่าจะดึกโข ฉะนั้นการพำนักอยู่ที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางไปวัดพระใหญ่ที่หลวงปู่สรวงบอกน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่...!!!แต่หลวงปู่สรวงก็ยังไม่ยอม ยืนยันว่าจะต้องไปที่วัดพระใหญ่ในวันนั้นให้ได้ ยกเหตุผลมาอธิบายแล้วสารพัดก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็บอกกับหลวงปู่ไปว่า หากจะไปพักจำวัดที่วัดพระใหญ่ในวันนี้ให้ได้ก็มีอยู่ทางเดียวในขณะนั้น คือต้องไปทางน้ำและต้องข้ามอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่นี้ไปเท่านั้นเพราะนั่นเป็นทางเดียว ที่จะไม่เสียเวลาในการเดินทางมากและไปถึงวัดนั้นพระใหญ่ในเวลาที่ไม่ดึกมากนัก
“แล้วเราจะข้ามกันไปได้ยังไงครับหลวงปู่ เรือสักลำก็ไม่มี”
หลวงปู่สรวงมองหน้าคุณลุงบุญเลิศพักหนึ่งก็พูดออกมาว่า
“เอ้า ข้ามน้ำก็ข้ามน้ำ”
คุณลุงบุญเลิศได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับงง จะข้ามกันไปได้อย่างไรคิดยังไงก็คิดไม่ออก จะว่ายน้ำข้ามไปอย่างงั้นเหรอ หลวงปู่จะไหวมั๊ยเนี่ย ไหนจะลูกศิษย์อีกคนหนึ่งซึ่งสติสตังก็ไม่เต็มเต็งจะเป็นยังไง อากาศเย็นๆอย่างนี้มีหวังได้เป็นตะคริวกันกลางอ่างเก็บน้ำนี้แน่ๆ นั่งนึกห่วงคนนั้นคนนี้แบบงงๆอยู่แป๊บนึง หลวงปู่สรวงก็ลุกเดินนำหน้าไปยืนอยู่ที่ชายน้ำ แล้วบอกให้ลุงบุญเลิศตามมายืนข้างหลังกับลูกศิษย์อีกคน โดยให้จับชายจีวรของหลวงปู่เอาไว้พร้อมสำทับกับลูกศิษย์ทั้งสองคนว่า ให้หลับตาเอาไว้ และห้ามลืมตาขึ้นมาอย่างเด็ดขาดจนกว่าหลวงปู่จะบอกให้ลืมตาได้
หลังจากหลับตาอยู่สักพักหนึ่งหลวงปู่สรวงจึงบอกให้ลูกศิษย์ทั้งสองคนลืมตาได้ และทันทีที่คุณลุงบุญเลิศลืมตาขึ้นก็ต้องแปลกใจ เมื่อรู้สึกว่าชายน้ำอยู่ด้านหลังของตน เพราะก่อนที่จะหลับตานั้นชายน้ำยังอยู่ข้างหน้าอยู่เลย เมื่อหันกลับไปมองอ่างเก็บน้ำแบบเต็มตาจึงได้รู้ว่าบัดนี้ ทั้งหลวงปู่สรวงคุณลุงบุญเลิศและลูกศิษย์ที่สติไม่เต็มเต็ง ได้ข้ามมาอยู่ฝั่งด้านที่มีวัดพระใหญ่ตั้งอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว