[ใหม่] ปุ๋ยมูลค้างคาว ตราเขาเพชร 25 กิโลกรัม

594 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - คนดู 350
รายละเอียด

ข้อดีของปุ๋ยมูลค้างคาว

1 มีปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารพืชสูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่น

 

2 ปุ๋ยมูลค้างคาวนอกจากจะให้ธาตุอาหารที่เพียงพอแล้ว ยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินด้วยทำให้ดินร่วน ดินซุย

 

3 ในมูลค้างคาวอุดมไปด้วย ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซี่ยม กำมะถัน เหล็กแมงกานีส สังกะสี ทองแดง โบรอน และโมลิบดินัม คลอลีน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืชโดยทั่วไป

 

4 ในมูลค้างคาวมีธาตุอาหารฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษ จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้ทั้งใน พืชผัก พืชสวน พืชไร่ และไม้ดอก ไม้ประดับ จะช่วยเพิ่มในเรื่องของ สีสัน รสชาติ และเพิ่มผลผลิตได้อย่างดี

 

 

ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตปุ๋ย

 

1 วัตถุดิบมูลค้างคาว

มูลค้างคาวจำนวนมหาศาลที่บริษัทฯได้รับสัมปทานถ้ำค้างคาวนั้น สามารถนำมาผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมูลค้างคาวเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ามีประโยชน์ต่อพืชมากมาย อุดมไปด้วยธาตุอาหารครบตามที่พืชต้องการ และพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์

 

2 สารอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯได้นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณ เพราะสารอาหารดังกล่าวมีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม รวมทั้งฮิวมัส ฮิวมิค อะมิโน สารอาหารชนิดนี้เป็นเคมีธรรมชาติ ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอาหารของประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลไม่ได้ตีค่าเป็นเคมี แต่ด้วยคุณค่านั้นเหนือกว่าเคมีนำเข้าโดยทั่วไป การปลดปล่อยต่างกัน ให้คุณค่าที่สูงกว่า พืชจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า

 

3 จุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษนำเข้าจากประเทศอิสราเอล

เป็นอีกส่วนผสมหนึ่งที่ใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยของทางบริษัทฯ จุลินทรีย์สายพันธุ์นี้ มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ สามารถทำลายเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของรากเน่า โคนเน่า ในพืชทุกชนิด ช่วยพัฒนาระบบราก ปรับสภาพดินที่เสียให้ร่วนซุย ปรับค่า PH ของดินให้เหมาะสม

 

 

 

อัตราและวิธีการใช้

 

ชนิดพืช :    นาข้าว

ระยะที่ใช้ :  ระยะแรก 15 – 30 วัน    อัตราการใช้ :  40 – 80 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  หว่านทั่วแปลง

ระยะที่ใช้ :  ระยะแรก 50 – 60 วัน    อัตราการใช้ :  40 – 80 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  หว่านทั่วแปลง

 

 ชนิดพืช :    ข้าวโพด

ระยะที่ใช้ :  ระยะพร้อมปลูก    อัตราการใช้ :  50 – 100 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  โรยรองก้นหลุมพร้อมปลูก

ระยะที่ใช้ :  ระยะแรก 20 – 25 วัน    อัตราการใช้ :  30 – 40 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  โรยตามแนวข้าวโพด

 

 
 


ชนิดพืช :    ส้ม มะนาว มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ลองกอง ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น ปาล์ม

ระยะที่ใช้ :  มีผลแล้ว    อัตราการใช้ :  3 – 5 กก.ต่อต้น /ครั้ง    วิธีการใช้ :  หว่านรอบทรงพุ่ม

ระยะที่ใช้ :  ยังไม่มีผล    อัตราการใช้ :  2 – 3 กก.ต่อต้น /ครั้ง    วิธีการใช้ :  หว่านรอบทรงพุ่ม

 

ชนิดพืช :    ยางพารา

ระยะที่ใช้ :  กรีดแล้วต้น , ปลายฝน    อัตราการใช้ :  1 – 2 กก.ต่อต้น /ครั้ง    วิธีการใช้ :  โรยขนานแถว

ระยะที่ใช้ :  ยางเล็ก ต้น, ปลายฝน     อัตราการใช้ :  0.5 กก.ต่อต้น /ครั้ง    วิธีการใช้ :  โรยขนานแถว

 

ชนิดพืช :    อ้อย มัน สับปะรด

ระยะที่ใช้ :  ใช้รองพื้นก่อนปลูก    อัตราการใช้ :  50 – 100 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  โรยในร่องแล้วกลบ

ระยะที่ใช้ :  พืชอายุ 1 – 2 เดือน    อัตราการใช้ :  50 – 100 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  โรยข้างแถว

 
 
 

 

ชนิดพืช :    พริก หอม กระเทียม แตง ถั่ว สตอเบอรี่

ระยะที่ใช้ :  ใช้รองพื้นระยะให้ผล    อัตราการใช้ :  50 – 100 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  หว่านทั่วแปลง

 

 
 

 

 

ชนิดพืช :    ผักทุกชนิด ยาสูบ

ระยะที่ใช้ :  ใช้รองพื้น    อัตราการใช้ :  50 – 100 กก.ต่อไร่    วิธีการใช้ :  หว่านทั่วแปลง

 

 

 

เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในนาข้าว

 

เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในนาข้าว 1,500 กก.ต่อไร่

 

* หลังจากเมื่อข้าวอายุ 25 – 30 วัน ( หว่านปุ๋ยรอบแรก ) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3  อัตรา 40 กก.ต่อไร่

ช่วยบำรุงต้น ขยายกอ ทำให้ต้นแข็ง ใบตั้ง ต้านทานโรคแมลง และเมื่ออายุข้าวประมาณ 35 – 40 วัน

* เมื่ออายุข้าวได้ 60 – 65 วัน ( หว่านปุ๋ยรอบสอง ) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3  อัตรา 40 กก.ต่อไร่

ช่วยบำรุงต้นข้าว ทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์ ในช่วงข้าวตั้งท้องอ่อนๆควรใช้

* ในช่วงข้าวเริ่มออกรวงประปลาย( หว่านรับรวง( หว่านปุ๋ยรอบสาม )) หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 20 กก.ต่อไร่

ช่วยบำรุงต้น สะสมอาหารสร้างรวง

 

สรุปการใช้ปุ๋ยและฮอร์โมนพืชในนาข้าว

หว่านปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่ 1  ช่วงข้าวอายุ 25 – 30 วัน อัตรา 40 กก.ต่อไร่

ครั้งที่ 2  ช่วงข้าวอายุ 60 – 65 วัน อัตรา 40 กก.ต่อไร่

ครั้งที่ 3  ช่วงข้าวเริ่มออกรวงประปลาย อัตรา 20 กก.ต่อไร่

 

สรุปผลจากการใช้ในนาข้าว

1 ราก ทำให้รากยาว ขาวอวบ พืชหาอาหารได้ดีกว่า ทำให้เจริญเติบดตได้ดี

2 แตกกอดี ช่วยเพิ่มการแตกกอ เพิ่มจำนวนต้น รวงที่มากขึ้น ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

3 เขียว ข้าวเขียวทนเขียวนานกว่าใช้ปุ๋ยเคมี ข้าวเริ่มเขียวพร้อมกัน เขียวเสมอกัน

4 ต้นเขียวใบตั้ง ลำต้นแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม ช่วยต้านทานโรคและแมลงได้ดี ช่วยลดค่ายาฆ่าแมลงลงได้

5 ข้าวรวงใหญ่ รวงยาว เมล็ดข้าวแกร่ง ไม่ลีบ น้ำหนักดี ข้าวสุกแก่พร้อมกัน ไม่โดนตัดราคา

6 ขั้วเหนียว ข้าวไม่หลุดร่วงง่าย ลดการสูญเสียผลผลิต ทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น

7 ข้าวสุกก่อน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อน ช่วยลดต้นทุนค่าสูบน้ำเข้านา

8 ช่วยปราบหอยเชอรี่ได้ ช่วยลดต้นทุนค่ายาปราบหอย

9 ดินเป็นหล่ม สภาพดินดี มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ปุ๋ยมูลค้างคาวสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารได้ดีกว่าและนานกว่าปุ๋ยเคมี ทำให้ธาตุอาหารในดินมีมาก สังเกตจากใบธงเขียวยันวันเกี่ยว ช่วยปรับโครงสร้างดิน ฟื้นฟูสภาพดิน ทำให้ดินดีขึ้น

 

 

เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในไม้ผล

 เทคนิคการเพิ่มผลผลิตในไม้ผลเช่น ส้ม ลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ทุเรียน เงาะ เป็นต้น

*ระยะยังไม่มีผล ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 2 – 3 กก. /ต้น /ครั้ง  

ช่วยให้ต้นสมบูรณ์ โตไว ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน

*ระยะมีผลแล้ว ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6 - 3 - 3 อัตรา 3 – 4 กก. /ต้น /ครั้ง   ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของต้น ทำให้ใบใหญ่ ใบหนา ใบมัน ติดดอกดก ติดผลดก ผลใหญ่ รสชาติดี น้ำหนักดี สีสวยสีเข้ม