[ใหม่] ตะกรุดไม้ครูหลวงปู่ภู ตะกรุดที่มีอัญเชิญเทวดามาสถิตย์อยู่
605 สัปดาห์ ที่แล้ว
- สมุทรปราการ - คนดู 965
รายละเอียด
หลวง ปู่ภูเป็นพระเถระที่ยึดการธุดงค์เป็นกิจวัตรมาโดยตลอด
สมัยที่ยังแข็งแรง พอออกพรรษาท่านจะออกรุกขมูลมิได้ขาด
โดยร่วมธุดงค์ไปกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
และหลวงปู่ใหญ่ และมักเล่าเรื่องแปลกๆ ที่ได้เผชิญมาให้ลูกศิษย์ฟังอยู่เสมอ
อาทิ การผจญจระเข้ยักษ์, เสือลายพาดกลอนเลียศีรษะ, ผจญงูยักษ์ เป็นต้น
"ไม่มีใครทำได้อย่างกู" อมตะวาจาของหลวงปู่ภู ปัจจุบันยังไม่สามารถหาใครทำได้เหมือนท่านจริง
"หมาก ดีที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูคู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพธิ์ พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ราหูคู่วัดศรีษะทอง เเหวนอักขระต้องวัดหนองบัว ลูกเเร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ทุกสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามญาตตรา ภัยมิกล้ามาเเพ้วพาน"
1ใน9เครื่องราง ที่ควรหามาติดกาย
*** สำหรับพุทธคุณของตะกรุดไม้ครูนั้นมีมากมายแล้วแต่จะอธิฐาน และเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่สำนักในประเทศไทยหรือในโลกนี้ก็ว่าได้ครับ ที่สามารถบนบานสารกล่าวได้ และที่ใครได้บูชาตะกรุดไม้ครูไว้กับตัวก็เหมือนมีแก้วสารพัดนึกอยู่กับตัว เลยครับ อยากได้อะไรก็อธิฐานเอาเถิดครับ และมักจะสำเร็จทุกประการ ***
............ไม่มีใครทำได้อย่างกู อมตะวาจาของหลวงปู่ภูวัดอินทร์ ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้อย่างท่านจริงเรียกว่าหนึ่งเดียวแห่งสยาม ประเทศเลยก็ว่าได้ น่าสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่ง และน่าสะสมมากสำหรับคนที่ชอบมนต์ขลังแห่งเครื่องราง............
.............สำหรับดอกนี้เป็นแบบมาตรฐาน ยาว2.5นิ้ว โตประมาณ 2ซม .............
(ตามตำราว่าไว้ประจุด้านเดียวเรียกไม้พ่อครู ประจุสองด้านเรียกนิ้วชี้พระอิศวร..."ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น")
>>> ตามตำรากล่าวไว้ว่า ถ้าดอกล็กไม่เกิน 1.5 นิ้วเรียกว่านิ้วชี้พระอิศวร ดอกยาวใหญ่ขนาด 2 นิ้วขึ้นไปไม่เกิน 3 นิ้วเรียกว่ากระบองท้าวเวสสุวรรณ หรือบางตำราก็ว่าถ้าประจุด้านเดียวเรียกไม้พ่อครู ถ้าประจุสองด้านเรียกนิ้วชี้พระอิศวร แต่รวมแล้วทั้งหมดเรียกว่า“ไม้ครู”ไม้ครูนับเป็นเครื่องรางที่สร้างยากที่ สุด ผู้ที่สร้างได้จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมีเท่านั้นหลวงปู่ภูท่านเคยกล่าวให้ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า ไม่มีใครทำได้อย่างกู นั่นแสดงว่า ไม้ครู สร้างยากมากๆ วัสดุที่ใช้สร้างก็สุดแสนที่จะหายาก เพราะท่านต้องเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึก เพื่อจะไปหาไม้ไผ่ และจะต้องเป็นไม้ไผ่ที่ถูกฟ้าผ่าล้มปลายชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้นถึงจะ ใช้ได้ และภายในเจ็ดวันท่านเฝ้ารอจนกว่าโขลงช้างจะผ่านมาพบ แล้วกระโดดข้ามก่อไผ่นั้นทั้งโขลง ก่อนที่จะตัดไม้ไผ่ดังกล่าวนั้น หลวงปู่ ท่านจะต้องทำพิธีพลีกรรมก่อน
>>>การพลีกรรม คือการขอของจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่า เจ้าเขา รุกขเทวดา เพื่อเพิ่มความเข้มขลังให้มากยิ่งขึ้น เมื่อท่านได้ไม้ไผ่มาแล้ว ท่านจะนำมาลงอักขระ แล้วใช้เป็นไม้เท้ายันกายในยามที่ท่านเดินธุดงค์ ขณะที่ท่านเดินธุดงค์และ เมื่อได้พบศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ก็จะใช้ไม้เท้านั้นจิ้มศพจนกว่าจะครบ ๗ศพ ตลอดระยะเวลาในการเดินธุดงค์ของหลวงปู่นานถึง ๓๐ ปี จากนั้นท่านก็จะนำไม้เท้าอันนี้มาผ่าให้เป็นแผ่นเล็กๆ เรียกว่าตอก เตรียมไว้สำหรับลงพระนามที่ได้รับจากเบื้องบน ถ้าลูกศิษย์คนใดอยากได้ไม้ครูจะต้องขอท่านก่อนวันเสาร์ และถ้าท่านตอบตกลงทำให้ ผู้นั้นจะต้องจัดหาเครื่องพิธีมาครบเครื่องไหว้ ทำพิธีบายศรี ดังนี้มีบายศรีหัวหมู มะพร้าวอ่อน และอื่นๆต้องครบตามแต่ที่หลวงปู่ท่านจะสั่ง แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ไม้ไผ่ที่ตัดมาทำเป็นไม้ครู เมื่อได้ของครบแล้ว ท่านก็จะทำพิธีลงพระนามในไม้ตอกที่ท่านเตรียมไว้ การทำพิธีลงพระนาม หลวงปู่ท่านจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ละครั้งจะนานบาง เร็วบ้างไม่แน่นอน เคยมีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดถามท่านว่า หลวงปู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าทำไม ท่านตอบว่ารอพระนามจากเบื้องบน เมื่อได้พระนามจากเบื้องบนมาแล้ว ท่านก็จะทำการเขียน จารพระนาม และทำการบรรจุไม้พระนามที่ท่านได้จาร พร้อมทั้งผงพุทธคุณของท่านที่ผสมอัฐิธาตุของคนตายที่กลายเป็นเทพที่ขอพลีมา ในพระนามนั้น เข้าไปในไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ อุดด้วยชันโรง หรือไม้ และลงอักขระทับอีกที เป็นอันเสร็จพิธี (ส่วนผงพุทธคุณนั้นมีความเชื่อกันว่ามีผงของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)อยู่ด้วย เหตุเพราะท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดและได้ร่วมเดินธุดงค์รุกขมูลกับท่านเจ้า พระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตอยู่เป็นนิจ) ไม้ครูหลวงปู่ภูนับว่าเป็นของมงคลที่มีพิธีกรรมการสร้างที่ยาก สลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง และตัวหลวงปู่เองก็มีความเชื่อมั่นของๆท่านมากๆ ถึงกับขนาดเคยเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งกับลูกศิษย์ว่า"ไม่มีใครทำได้อย่างกู"
>>> คาถาปลุกไม้พ่อครู "โอมปลุกปลุกลุกลุกกูจะปลุกไม้พ่อครู นิ้วเพชรพระอิศวร กระบองยันกายท้าวเวสสุวรรณ ไม้โขลงช้างข้าม ปีศาจพ่อครู โอมปลุกมหากูจะปลุกไม้เท้าพ่อครู หลวงปู่ภูประสิทธิ์ให้กูสวาหะ"<<<<
"ไม่มีใครทำได้อย่างกู" อมตะวาจาของหลวงปู่ภู ปัจจุบันยังไม่สามารถหาใครทำได้เหมือนท่านจริง
"หมาก ดีที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูคู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพธิ์ พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ราหูคู่วัดศรีษะทอง เเหวนอักขระต้องวัดหนองบัว ลูกเเร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ทุกสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา ติดกายยามญาตตรา ภัยมิกล้ามาเเพ้วพาน"
1ใน9เครื่องราง ที่ควรหามาติดกาย
*** สำหรับพุทธคุณของตะกรุดไม้ครูนั้นมีมากมายแล้วแต่จะอธิฐาน และเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่สำนักในประเทศไทยหรือในโลกนี้ก็ว่าได้ครับ ที่สามารถบนบานสารกล่าวได้ และที่ใครได้บูชาตะกรุดไม้ครูไว้กับตัวก็เหมือนมีแก้วสารพัดนึกอยู่กับตัว เลยครับ อยากได้อะไรก็อธิฐานเอาเถิดครับ และมักจะสำเร็จทุกประการ ***
............ไม่มีใครทำได้อย่างกู อมตะวาจาของหลวงปู่ภูวัดอินทร์ ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้อย่างท่านจริงเรียกว่าหนึ่งเดียวแห่งสยาม ประเทศเลยก็ว่าได้ น่าสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่ง และน่าสะสมมากสำหรับคนที่ชอบมนต์ขลังแห่งเครื่องราง............
.............สำหรับดอกนี้เป็นแบบมาตรฐาน ยาว2.5นิ้ว โตประมาณ 2ซม .............
(ตามตำราว่าไว้ประจุด้านเดียวเรียกไม้พ่อครู ประจุสองด้านเรียกนิ้วชี้พระอิศวร..."ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น")
>>> ตามตำรากล่าวไว้ว่า ถ้าดอกล็กไม่เกิน 1.5 นิ้วเรียกว่านิ้วชี้พระอิศวร ดอกยาวใหญ่ขนาด 2 นิ้วขึ้นไปไม่เกิน 3 นิ้วเรียกว่ากระบองท้าวเวสสุวรรณ หรือบางตำราก็ว่าถ้าประจุด้านเดียวเรียกไม้พ่อครู ถ้าประจุสองด้านเรียกนิ้วชี้พระอิศวร แต่รวมแล้วทั้งหมดเรียกว่า“ไม้ครู”ไม้ครูนับเป็นเครื่องรางที่สร้างยากที่ สุด ผู้ที่สร้างได้จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมีเท่านั้นหลวงปู่ภูท่านเคยกล่าวให้ ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า ไม่มีใครทำได้อย่างกู นั่นแสดงว่า ไม้ครู สร้างยากมากๆ วัสดุที่ใช้สร้างก็สุดแสนที่จะหายาก เพราะท่านต้องเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึก เพื่อจะไปหาไม้ไผ่ และจะต้องเป็นไม้ไผ่ที่ถูกฟ้าผ่าล้มปลายชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้นถึงจะ ใช้ได้ และภายในเจ็ดวันท่านเฝ้ารอจนกว่าโขลงช้างจะผ่านมาพบ แล้วกระโดดข้ามก่อไผ่นั้นทั้งโขลง ก่อนที่จะตัดไม้ไผ่ดังกล่าวนั้น หลวงปู่ ท่านจะต้องทำพิธีพลีกรรมก่อน
>>>การพลีกรรม คือการขอของจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่า เจ้าเขา รุกขเทวดา เพื่อเพิ่มความเข้มขลังให้มากยิ่งขึ้น เมื่อท่านได้ไม้ไผ่มาแล้ว ท่านจะนำมาลงอักขระ แล้วใช้เป็นไม้เท้ายันกายในยามที่ท่านเดินธุดงค์ ขณะที่ท่านเดินธุดงค์และ เมื่อได้พบศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ก็จะใช้ไม้เท้านั้นจิ้มศพจนกว่าจะครบ ๗ศพ ตลอดระยะเวลาในการเดินธุดงค์ของหลวงปู่นานถึง ๓๐ ปี จากนั้นท่านก็จะนำไม้เท้าอันนี้มาผ่าให้เป็นแผ่นเล็กๆ เรียกว่าตอก เตรียมไว้สำหรับลงพระนามที่ได้รับจากเบื้องบน ถ้าลูกศิษย์คนใดอยากได้ไม้ครูจะต้องขอท่านก่อนวันเสาร์ และถ้าท่านตอบตกลงทำให้ ผู้นั้นจะต้องจัดหาเครื่องพิธีมาครบเครื่องไหว้ ทำพิธีบายศรี ดังนี้มีบายศรีหัวหมู มะพร้าวอ่อน และอื่นๆต้องครบตามแต่ที่หลวงปู่ท่านจะสั่ง แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ไม้ไผ่ที่ตัดมาทำเป็นไม้ครู เมื่อได้ของครบแล้ว ท่านก็จะทำพิธีลงพระนามในไม้ตอกที่ท่านเตรียมไว้ การทำพิธีลงพระนาม หลวงปู่ท่านจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ละครั้งจะนานบาง เร็วบ้างไม่แน่นอน เคยมีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดถามท่านว่า หลวงปู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าทำไม ท่านตอบว่ารอพระนามจากเบื้องบน เมื่อได้พระนามจากเบื้องบนมาแล้ว ท่านก็จะทำการเขียน จารพระนาม และทำการบรรจุไม้พระนามที่ท่านได้จาร พร้อมทั้งผงพุทธคุณของท่านที่ผสมอัฐิธาตุของคนตายที่กลายเป็นเทพที่ขอพลีมา ในพระนามนั้น เข้าไปในไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ อุดด้วยชันโรง หรือไม้ และลงอักขระทับอีกที เป็นอันเสร็จพิธี (ส่วนผงพุทธคุณนั้นมีความเชื่อกันว่ามีผงของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)อยู่ด้วย เหตุเพราะท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดและได้ร่วมเดินธุดงค์รุกขมูลกับท่านเจ้า พระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตอยู่เป็นนิจ) ไม้ครูหลวงปู่ภูนับว่าเป็นของมงคลที่มีพิธีกรรมการสร้างที่ยาก สลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง และตัวหลวงปู่เองก็มีความเชื่อมั่นของๆท่านมากๆ ถึงกับขนาดเคยเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งกับลูกศิษย์ว่า"ไม่มีใครทำได้อย่างกู"
>>> คาถาปลุกไม้พ่อครู "โอมปลุกปลุกลุกลุกกูจะปลุกไม้พ่อครู นิ้วเพชรพระอิศวร กระบองยันกายท้าวเวสสุวรรณ ไม้โขลงช้างข้าม ปีศาจพ่อครู โอมปลุกมหากูจะปลุกไม้เท้าพ่อครู หลวงปู่ภูประสิทธิ์ให้กูสวาหะ"<<<<