[ใหม่] พร้อมส่ง Super UP&UP (ลบตีนกา)

554 สัปดาห์ ที่แล้ว - ปทุมธานี - คนดู 271

500 ฿

  •  พร้อมส่ง Super UP&UP (ลบตีนกา) รูปที่ 1
  •  พร้อมส่ง Super UP&UP (ลบตีนกา) รูปที่ 2
  •  พร้อมส่ง Super UP&UP (ลบตีนกา) รูปที่ 3
  •  พร้อมส่ง Super UP&UP (ลบตีนกา) รูปที่ 4
รายละเอียด
       
Take me Super UP&UP การแก้ไขและฟื้นฟู บำรุงตนเอง สูตรผสมที่พิเศษสุดอย่างแท้จริง เนื้อครีมซึมลึกลงสู่ใต้ผิวชั้นนอก
ทันเมื่อแรกสัมผัส สัมผัสของความแตกต่าง เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน ผิวที่บกพร่องจะเลือนหายไป เผยผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม
และเรียบเนียนขึ้น ผิวจะกระจ่างและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โครงสร้างผิวละเอียดขึ้นรอยเหี่ยวย่นลบเลือนไป
จุดด่างดำ รอยแดงจะลดลง รูขุมขนกระชับ ผิวจะปรับสภาพให้เนียนเรียบสวยมากขึ้น แม้ยามไม่แต่งหน้า

วิธีใช้ Super Up&UP
ล้างหน้าให้สะอาด 1กล่อง บรรจุ1เข็ม ใช้ได้ 1ครั้ง  ใช้ให้หมด ภายใน 7 วัน
- กดเจลทำให้ส่วนผสมเข้าด้วยกัน เขย่าหลอดประมาณ1นาที
- กดเจลเพียงเบาๆเกลี่ยเนื้อเจลให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทุกวันก่อนนอน
- ปล่อยให้เนื้อเจลซึมเข้าผิวเพียง1นาที สามารถทาครีมบำรุงอื่นๆได้ตามปกติ

 
 
Super Up&UP 1 กล่อง บรรจุ 1 เข็ม ใช้ 1 ครั้ง/1เข็ม  หรือควรใช้ให้หมดภายใน 7 วัน
Super Up&Up ปริมาณ 3 มิลลิลิตร  เลขที่จดแจ้ง 50-2-5600079


 






ส่วนประกอบของ Super Up&Up
1.PEPTIDES
"อะมิโน เปปไทด์" คืออะไร ?
เปปไทด์ คือ โมเลกุลของโปรตีนอะมิโน แอซิด หลายๆ โมเลกุลมาเกาะกันเป็นสายโซ่สั้นๆ
มีการนำมาผสมผสานลงในสูตรตำรับของเครื่องสำอาง เช่น ครีมรอบดวงตา ครีมบำรุง ผิวหน้าและลำคอ
เนื่องจากมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยว่า เปปไทด์เหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกลงไปได้
ช่วยกระตุ้นการสมานแผล ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตาและร่องแก้ม
เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลของเปปไทด์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
พร้อมๆ ไปกับการยับยั้งการทำลายคอลลาเจนอีกด้วย
ผลการศึกษาเหล่านี้ทำให้เชื่อได้ว่า "อะมิโน เปปไทด์" จะให้ประโยชน์ในการลดเลือนริ้วรอย
ทำให้ร่องลึกของริ้วรอยบนใบหน้าน้อยลงหรือจางลง และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ แถมผิวหนังยังเต่งตึงขึ้น
จากการสร้างคอลลาเจนใหม่อีกด้วย ผลการลดริ้วรอยจะได้ผลประมาณ 16 - 27 % หากใช้อย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางมีความหวังว่า "อะมิโน เปปไทด์" น่าจะนำมาใช้ทดแทนการทำศัลยกรรมเลเซอร์
หรือการฉีดสารโบทอกส์หรือสารคอลลาเจนเข้าผิวหนัง เพื่อวัตถุประสงค์ในการลดริ้วรอย สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหรือกลัวเข็มฉีดยา
"อะมิโน เปปไทด์" ลดริ้วรอยได้จริงหรือไม่ ?
การศึกษาเรื่องอะมิโน เปปไทด์ ส่วนใหญ่เป็นการวิจัยในหลอดทดลอง ซึ่งเป็นที่ทราบกับดีในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า
ผลการศึกษาที่ได้จากหลอดทดลอง อาจไม่ได้ผลในการวิจัยกับสัตว์ทดลองและอาจไม่ได้ผลในคน เนื่องจากสารสำคัญที่ออกฤทธิ์
จำเป็นต้องถูกนำส่งไปยังเป้าหมาย คือ ผิวหนังชั้นล่าง เช่นเดียวกับ "อะมิโน เปปไทด์" การที่จะให้มีประสิทธิผล
เนื้อครีมต้องมีประสิทธิภาพในการปล่อยสารออกฤทธิ์ที่ผิวหนังชั้นล่างหรือผิวหนังแท้
ดังนั้น ประโยชน์ของอะมิโน เปปไทด์ จึงยังเป็นที่สงสัย เพราะสารที่จะเดินทางลึกลงไปยังผิวหนังชั้นล่างได้
จะต้องอยู่ในสภาพที่มีความคงตัวและต้องไม่ถูกย่อยสลายระหว่างการเดินทาง
ความปลอดภัย
ผลการศึกษาในระยะสั้นยังไม่พบอาการข้างเคียงแต่อย่างใด แต่การใช้สะสมในระยะยาวนั้น
ยังไม่มีการรายงานเรื่องผลข้างเคียง มีเพียงข้อบ่งชี้ว่าไม่ควรใช้แบบความเข้มข้นสูงมากกว่า 10 %
เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อและผิวหนังย่นเป็นถุงได้

2.ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)
คือกรดที่ ร่างกายของเราผลิตขึ้นมา มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย
เป็นส่วนผสมหลักในการรักษาริ้วรอยแห่งวัย พบได้ในร่างกายของมนุษย์ตามวุ้นในโพรงลูกตา , น้ำหล่อลื่น ข้อต่อต่าง ๆ และเนื่อเยื่อส่วนต่าง
และโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่นจุดเชื่อผมต่อบริเวณหัวเข่า
ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะแต่ละส่วนให้ติด กัน มีลักษณะเป็นวุ้นอยู่ระหว่างคอลลาเจนและอีลาสตินไฟเบอร์ ช่วยลำเลียงสารอาหารต่าง ๆ
ที่จำเป็นจากกระแสเลือดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นโดยการกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวและทำหน้าที่เสมือนเป็นตัว หล่อลื่นผิวจากการการถูกทำลายจากสารเคมี
ไฮยาลูรอนิคนี้จัดเป็นประเภทของ glycosaminoglycan ซึ่ง มีหน้าที่ต้านการอักเสบ และการบวมน้ำ
หน้าที่หลัก ๆ ของ glycosaminoglycan นั้นคือการช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกาย, เติมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการของร่างกาย
และลำเลียงไปยังโมเลกุลถ้าขาดสาร ตัวนี้ จะมีผลทำให้การเดินจะเจ็บปวดเพราะว่าไม่มีตัวช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูก ข้อต่อนั่นเอง,
และมันยัง ถูกใช้ใน วงการแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่ออีกด้วย
ประโยชน์ของกรดไฮยาลูรอนิคที่มีต่อผิว หน้า
แต่ สำหรับผิวหน้าของเรานั้น กรดตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นและถูกหล่อเลี้ยงจากบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิว ชั้นล่าง) และกระจายไปถึงผิวหนังชั้น epidermis (ผิว หนังชั้น บน)
บทบาทสำคัญที่เราควรตระหนักก็คือ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปรกติหลายเท่าเลยละ
(โดยที่ไม่เพิ่มความมันแบบที่ไม่ดี sebum บนผิวชั้นนอก ดังนั้นคนที่มีผิวมันก็สบายใจขึ้นมาบ้าง)
เมื่อผิวมีความชุ่มชื่นที่ดีเพียงพอ ผิวหน้าก็จะดูอ่อนกว่าเยาว์ ดูเนียนเรียบขึ้น ริ้วรอยลดลง มีความยืดหยุ่น นุ่มนวล และดูมีชีวิตชีวา ..
กรดไฮยาลูรอนิคยังช่วยให้รักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนังได้เร็วกว่าเดิม 80% อีกด้วย นั่นหมายความว่าผิวสามารถที่จะสมานและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น
ผลดีอีกข้อนั่นก็คือการช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึงขึ้นด้วย (plump effect) และโดยปรกติการไหลเวียนของเลือดจะเป็นตัวนำของเสีย ออกจากเซลล์ตามธรรมชาติ
แต่สำหรับเซลล์ผิวที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง กรดไฮยาลูรอนิคนั้นขะช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวในส่วนนั้นและ ยังช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์เหล่านั้น
แต่เมื่ออายุมากขึ้น ตั้งแต่ 30-40 ขึ้น ไป การผลิตกรดไฮยาลูรอนิคตามธรรมชาติก็ลดน้อยลงไปด้วยครับ ผลก็คือผิวที่จะสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น และขาดความยืดหยุ่น
สิ่งที่จะตามมาไม่ช้านั่นก็คือ ริ้วรอยที่จะเพิ่มมากขึ้น และความแก่ชราก็จะปรากฏชัดขึ้นนั่นเอง ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิคสำหรับผู้ที่
มีอายุมากขึ้นหรือผู้ที่มีผิวแห้ง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือไปจากการบำรุงและเสริมสร้างแต่เพียง collagen – elastin และลดริ้วรอยแค่พื้นผิวภายนอกตามปรกติ
HYALURONIC ACID มีผลอย่างไรต่อ ริ้วรอย?
Hyaluronic acid (กรดไฮยาลูโรนิก) เป็นสารที่ใช้กันมานานกว่า 10 ปี และนิยมใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิว ปัจจุบันนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมมาตลอด
เป็นเพราะว่ามันออกฤทธิ์ได้ผลดี โดยเฉพาะช่วยในการลดริ้วรอย Hyaluronic acid นิยมใช้กันอย่างแพร่ หลายในวงการแพทย์โดยเฉพาะทางด้านความงาม (ทั้งในรูป ครีมทาและยาฉีด)
และในธุรกิจเครื่องสำอางเอง พวกเราก็จะพบเห็นได้บ่อยมากในผลิตภัณฑ์กลุ่มลดริ้วรอย ด้วยความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย
และเร่งขบวนการหายของแผล ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ ถูกนำมาใช้เป็นจุดขายหลักของผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมหลายตัว และรวมไปถึงเวชสำอางที่เป็นแบรนด์เนมของแพทย์
โดยใช้เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญร่วมกับโคเอ็นไซม์-คิวเท็น (Coenzyme Q10), วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ
ร่างกายคนเราสามารถสร้าง Hyaluronic acid ได้เอง โดยพบมากที่ผิวหนัง และปัจจุบันก็มีการผลิตขึ้นมาขายในเชิงพาณิชย์โดยผ่านขบวนการหมักทางชีวภาพ
Hyaluronic acid มีลักษณะหนืดข้น ละลายน้ำได้และมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก แนะนำให้ใส่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (ทั้ง ครีมบำรุง, โลชั่น, สเปรย์, ลิปสติก อื่นๆ) ที่ความเข้มข้น 0.25% ถึง 2.00%
นอกเหนือจากคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีแล้ว มันยังช่วยลด การสร้างอนุมูลอิสระและช่วยกรองรังสี UV ได้ อีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โดยลำพังแล้วกรดไฮยาลูโรนิกก็จัดได้ว่า
เป็นสารที่ช่วยชะลอความแก่ที่มีประสิทธิภาพดีตัวหนึ่ง จึงมีราคาค่อนข้างแพงพอควร และราคาของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายก็ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของปริมาณกรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้
เครื่องสำอาง เอสเต้ ลอเดอร์ (Este่e Lauder) เป็นรายแรกที่ได้ออกไลน์สินค้าชื่อ เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ (Perfectionist) หลังจากที่ได้ทุ่มเทเงินจำนวนมหาศาลในการวิจัยพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ขึ้นมา ซึ่งทางเอสเต้เองก็อ้างว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยได้ เมื่อใช้สม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน
หลังจากที่ เอสเต้ได้เปิดตัวไลน์สินค้า เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ขึ้นมา สินค้าในกลุ่มนี้ก็มียอดขายเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งสารสำคัญที่ช่วยให้สินค้าในไลน์นี้ของเอสเต้ประสบความสำเร็จก็คือ Hyaluronic acid นั่นเอง
ปัจจุบัน มีเครื่องสำอางหลายชนิดที่ได้เลียนแบบเครื่องสำอางในชุดเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ของเอสเต้ตัวนี้ รวมไปถึงสินค้าที่เป็นแบรนด์ของ แพทย์ก็เช่นกัน ซึ่งมีทั้งในรูปของครีมทาและยาฉีดก็มี
ในประเทศไทย เองก็มีการนำเข้าสารเคมีตัวนี้มาใช้ในครีมบำรุงผิวกันมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเวชสำอาง ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีราคาค่อนข้างสูง ระยะหลังมีการนำ Hyaluronic acid เข้ามา จากจีน
ซึ่งก็มีราคาถูกลง แต่พวกคุณก็ต้องระวัง ด้วย เพราะกรดไฮยารูโลนิกบางตัวมีราคาถูกมาก เนื่องจากเป็นเกรดที่ต่ำ เมื่อใส่ ในผลิตภัณฑ์แล้วมักจะใช้ไม่ได้ผล -- ตาม ที่ ผู้ผลิตอ้าง
ดังนั้นพวกคุณอาจจะต้องเสียเงิน เปล่า เพราะขายสินค้าไม่ได้

3.Collagen
Collagen หรือ คอลลาเจน คือ โปรตีน ที่อยู่ในชั้น ใต้ชั้นหนังแท้เป็นโปรตีนสำคัญของผิวหนัง เนื่องจาก เป็นตัวประสานโครงสร้าง ของเซลล์ผิวเข้าด้วยกัน
ให้ความตึง กับผิวหนังชั้นหนังแท้ ทำหน้าที่เสริมความเรียบเนียน ของผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรงและสิ่งสำคัญที่คู่กันอีกชนิดหนึ่งก็คือ "Elastin" ในขณะที่ Collagen
มีหน้าที่เป็นโครงสร้างของผิว และทำให้ผิวเต่งตึง Elastin จะมีหน้าที่เสริม ความยืดหยุ่นให้กับผิว ต้านทานริ้วรอยที่เกิดขึ้น