[ใหม่] Epiduo ยารักษาสิวที่ดีที่สุดในตอนนี้ สิวแห้งไว ไม่ระคายเคือง ขนาด 15 g
451 สัปดาห์ ที่แล้ว
- ระยอง - คนดู 1,374
รายละเอียด
ยา Epiduo คืออะไร ?
ความจริงแล้วถ้าเราเห็นส่วนผสมตัวยาหลักของ Epiduo แล้วเราคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะ Epiduo เป็นการรวมตัวของ ยา Adapalene 0.1% กับ Benzyl peroxide 2.5% เข้าด้วยกัน ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็คือ เหมือนเราเอา Benzac มาผสมกับ Differin แล้วเอามาทาสิวประมาณนั้น ผมมองว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีนะที่ยา 2 ตัวนี้มาทำงานร่วมกัน คือผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการรักษาสิวเล่มหนึ่งซึ่งมีการพูดถึงการผสมยา Benzac กับ Differin เข้าด้วยกันแล้วเอามาใช้ทารักษาสิวจะให้ผลดีกว่าการทายารักษาสิวตัวใดตัวหนึ่ง แล้วในที่สุดครีมตัวที่ว่าก็มีอยู่จริงนั่นก็คือ Epiduo หลอดนี้นั่นเอง.
Epiduo เหมาะกับสิวแบบไหน.
เนื่องมาจากส่วนผสมหลักของ Epiduo คือ Adapalene 0.1% และ Benzyl peroxide 2.5% ทำให้มันมีความสามารถในการรักษาสิวที่เหมือนๆกับ Benzac และ Differin อย่างที่บอก โดยตัว Benzyl peroxide จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้ดี ฆ่าเชื้อ P. Acne ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ช่วยผลัดเซลผิวทำให้สิวแห้งเร็ว หลุดลอกได้ง่าย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ส่วน Adapalene เป็นอนุพันธ์ของกรดวิตามิน A การทำงานก็จะใกล้เคียงกับกรดวิตามิน A ซึ่งนิยมใช้ในการรักษาสิว แต่จะมีความอ่อนโยนกว่ามาก แต่หลักๆก็คือสามารช่วยลดการอุดตันของสิว ลดการเกิดสิวอุดตันได้ดี ลดการอักเสบ และยังช่วยลดการสร้างไขมันของรูขุมขน ซึ่งทำให้หน้ามันน้อยลง สามารถอ่านข้อมูลอย่างละเอียดได้ ที่นี่ เพราะฉะนั้นยา Epiduo จะเหมาะกับคนที่เป็นทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตันพร้อมๆกัน.
วิธีการใช้ Epiduo
การทายา Epiduo เพื่อรักษาสิวนั้นก็จะเหมือนกับการทายาในกลุ่มกรดวิตามิน A เช่น Retin-A , Differin คือให้ทาให้ทั่วหน้าตรงบริเวณที่เป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ ทาก่อนนอน สามารถทาทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องล้างออก แต่ถ้าใครทาทิ้งไว้แล้วรู้สึกว่าแสบหน้ามากๆซึ่งอาจเกิดจากการที่ผิวหน้ายังไม่ชินกับตัวยา อาจทาทิ้งไว้สัก 15 นาทีแล้วล้างออกก่อน ทำแบบนี้ไปสัก 1 สัปดาห์เพื่อให้ผิวหน้าเคยชิน จากนั้นค่อยกลับมาลองทาทิ้งไว้ทั้งคืนอีกครั้ง อาการแสบหน้าที่ว่านะจะหายไปได้ครับ.
ผลข้างเคียงของ Epiduo
ผลข้างเคียงของยาทารักษาสิว Epiduo ก็จะเหมือนกับยาทาสิวทั่วไป คือ อาจมีอาการหน้าแสบ แดง คัน ลอก เป็ยขุย ได้ซึ่งถ้าไม่รู้สึกว่าแสบหน้ามากๆหรือมีผดผื่น สิวอักเสบขึ้นแบบกระทันหันก็ยังถือว่าเป็นผลข้างเคียงแบบปกติของตัวยา ซึ่งอาการที่ว่าจะหายไปได้หลังจากใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าอาการสิวเห่ออย่างรุนแรงควรหยุดใช้ก่อน เพราะเราอาจแพ้ยา Epiduo เข้าให้แล้ว.
ใช้ Epiduo แล้วอย่าทายาซ้ำซ้อนอีก
หากเราตัดสินใจใช้ยา Epiduo ทาเพื่อรักษาสิวแล้ว ให้เราหยุดใช้ยาทาที่มีตัวยาเดียวกันด้วย เช่น ถ้าเคยทา Benzac หรือ Differin อยู่ก็ให้หยุดใช้ก่อน เพราะมันเป็นตัวยาเดียวกัน ทาเยอะขึ้นผลการรักษาสิวก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เปลืองโดยใช่เหตุมากกว่า รวมไปถึงงดทายาพวก Retin-A ไปด้วย ถึงจะเป็นตัวยาคนละตัวกัน แต่มันก็มีสรรพคุณที่ใกล้เคียงกัน เผลอๆทาร่วมกันหน้าจะแย่หนักกว่าเก่า เพราะมันทำให้หน้าระคายเคืองเพิ่มขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ระหว่างที่เราทายารักษาสิว Epiduo เราควรงดทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA การขัดหน้า ลอกหน้า และควรงดการทำเลเซอร์ต่างๆก่อน ไม่งั้นหน้าเราจะถูกรบกวนมากเกินไป ในอนาคตอาจทำให้เรากลายเป็นคนผิวแพ้ง่าย ใช้ครีมอะไรก็แพ้ไปหมดได้.
อย่าลืมรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าให้ดีด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ดีๆสักตัว เว็บเราก็มีเยอะนะคะ
เวลาที่เราทายา Epiduo นั้นหน้าเราก็จะแห้งเหมือนกับการทายารักษาสิวทั่วไป บางคนบอกว่าตอนเป็นสิวไม่ควรทาครีมอะไรเยอะเดี๋ยวจะเป็นสิวมากกว่าเดิม อันนี้ผมก็เห็นด้วย แต่ถ้าเราทายา Epiduo แล้วผิวหน้ามันแห้งมากๆผมว่าเราก็จำเป็นต้องหามอยเจอไรเซอร์ดีๆสักตัวมาทาด้วยเพื่อไม่ให้หน้าเราระคายเคืองมากเกินไป เลือกมอยเจอร์ที่เนื้อบางเบา เป็นแบบน้ำ ทาแล้วไม่ทำให้ผิวมันมากก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนมากกว่า ผิวแห้ง ผิวผสม ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้ก็แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญอย่าลืมหาครีมกันแดดมาทาก่อนออกจากบ้านด้วยนะ กันไว้ก่อนเดี๋ยวหน้าดำ cetaphil dermacontrol spf 30+
ควรใช้คู่กับ ezerra creamเพื่อลดผลข้างเคียงจากอาการแห้ง แดง และผลลัพธ์จะดีกว่าใช้ differin แยกกับ benzac