หัวหน้าแผนกใต้ดิน

15 สัปดาห์ ที่แล้ว - คนดู 70
รูปภาพ หัวหน้าแผนกใต้ดิน

หัวหน้าแผนกใต้ดิน

ตำหรับโกงที่ไม่อยากให้ท่านถูกโกง 🚫โคตรโกง🚫🔞

เราไม่ได้สอนให้คุณโกง แต่แนะนำให้คุณรู้ซึ้งถึงเล่ห์โกง

เหลือทางถอยให้คนอื่นบ้าง✔

เท่ากับเหลือทางถอยที่ตัวเอง✔

🌹 หัวหน้าแผนกใต้ดิน 🌹

"หัวหน้าแผนก4 อยู่ไหม? พวกเรามาขอสัมภาษณ์เขา"

นึกไม่ถึงว่ายังจัดสถานที่ไม่เสร็จ ผู้สื่อข่าวเข้ามาแล้ว ทำยังไงดี?

หัวหน้าแผนก4 ยังไม่มา พนักงานหลายคนถึงกลับหัวหมุน

"ลองโทร.ไปที่บ้านหัวหน้าแผนก4 พนักงานคนหนึ่งเสนอ รีบๆสมุดโทรศัพท์ หมุนโทรศัพท์ไป

"ทำไมมาแต่เช้า ผมกำลังอาบน้ำอยู่" หัวหน้าแผนก 4 กรอกเสียงมาตามสาย "พวกนายรับมือก่อน เชิญผู้สื่อข่าวนั่ง บอกว่าผมจะไปเดี๋ยวนี้"

เพิ่งวางหูโทรศัพท์พนักงานอีกคนหนึ่งก็โทร.มาบอกว่าไม่ต้องโทร.ไปผู้ช่วยเหอจัดการเรียบร้อยแล้ว

จริงดังที่ว่า ผู้ช่วยหาเหอกำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าวทั้งหลาย

"หัวหน้าแผนกงานยุ่ง แต่ไม่เป็นไร มีปัญหาอะไรถามผมได้ งานวิจัยชิ้นนี้ผมรู้ดีที่สุด"

ผู้ช่วยเหอรู้ดีจริงๆบอกกันตามตรง ขอสัมภาษณ์หัวหน้าแผนก 4 สอบถามผู้ช่วยเหลือยังดีกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ผู้ช่วยเหอทำตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่รายชื่อผู้สื่อข่าวและเอกสารที่พิมพ์แจก ก็เป็นผู้ช่วยเหอจะทำขึ้น

นับตั้งแต่หัวหน้าแผนก 4 มีผู้ช่วยเหอ รู้สึกเบาตัวขึ้นมาก ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อย ผู้ช่วยเหอรับเหมาหมด แม้กระทั่งเด็กตีกับนักเรียนในโรงเรียน ผู้ช่วยหูก็ออกไปไกล่เกลี่ย มิน่าผู้ช่วยเหอทำงานแค่ 2 ปี ทุกคนแอบตั้งฉายาเขาเป็น "หัวหน้าแผนกใต้ดิน"

หัวหน้าแผนกใต้ดินคนนี้บุคลิกดีจริงๆ เวลาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ ทั้ง smart และเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าบอกว่าสักวันหนึ่งได้เป็นหัวหน้าแผนกก็ไม่มีใครเคลือบแทงสงสัย

ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ผู้ช่วยเหอเสร็จ คิดกลับไปเขียนข่าว อาการกรูไปที่ประตู พอดีคบกับหัวหน้าแผนก 4 ที่วิ่งกลับหืดกระหอบมา หัวหน้าแผนก 4 รีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

"ต้องขอโทษด้วย รถติดทำให้มาช้าไป"

"ไม่เป็นไร" ผู้สื่อข่าวตอบ "ผู้ช่วยเหออธิบายอย่างละเอียดแล้ว"

"ถ้างั้นก็ดี" หัวหน้าแผนก 4 ตอบอย่างกระดาก มองจนกลุ่มผู้สื่อข่าวขึ้นรถไป ยังพูดพึมพำ "ถ้างั้นก็ดี"

💦☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘💦

💖❤ควรที่จะขายหน้า❤💖

วันนี้ซิ่วอิงเดินหน้าอีกเข้ามา โยนกระเป๋ามือถือลงบนโซฟา นั่งหน้าบึ้งตึง

"เป็นอะไรหรือ?" เสี่ยวหวังเดินเข้ามากระซิบถาม

"ถามตัวเองซี" ซิ่วอิงโกรธจนหน้าแดง" วันนี้เธอทำฉันขายหน้าจริงๆ จนฉันอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไป"

"ผมตามหัวหน้ากองพวกผมไปชมบริษัทของคุณ ทำไมทำให้คุณหายหน้า?" เสี่ยวหวังงง "เพราะว่าผมเป็นคนโสดของหัวหน้ากอง เขาจึงพาผมไป อีกอย่างหนึ่ง หัวหน้ากองไม่ไปชมโรงงานอื่น เจาะจงไปโรงงานพวกคุณ ไม่ใช่เพราะผมแนะนำดอกหรือ? ถ้าหากโรงงานพวกคุณทำการค้ารายนี้สำเร็จ ควรขอบใจผม และขอบใจคุณถึงจะถูก ทำไมบอกว่าทำให้คุณขายหน้า?"

"ขายหน้าซี" ซิ่วอิงสะบัดหน้า "ก่อนที่คุณจะไป ฉันบอกกับเจ้าของโรงงานว่า คุณเป็นเพื่อนนักเรียนกับฉัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้..."

"คุณพูดไม่ผิด"

"ผิดถนัด" ซิ่งอิงร้องไห้ออกมา "คุณอยู่ข้างตัวหัวหน้ากอง ทำเป็นไม่เข้าใจ คุณรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกชัดๆ สมควรให้คุณแนะนำ คุณทำไมไม่พูดยังถามหัวหน้ากอง เขารู้กับผีอะไร?"

เสี่ยวหวังหัวเราะออกมา

"เขาก็รู้ ถึงแม้ว่าเขาล้าสมัย แต่ยังเป็นหัวหน้ากอง"

❤ หมายเหตุ❤

เรื่องราวดังกล่าวทั้ง 2 เรื่อง จงใจเล่าค้างไว้ให้ผู้อ่านคาดเดาตอนจบเอง

ผู้ช่วยเหอเป็นคนหนุ่มที่เฉลียวฉลาด คนเดียวทำงานเท่ากับ 10 คน ปัญหาอยู่ที่ความ "ฉลาด" ไม่เพียงแต่หมายถึงวิชาความรู้ ยังครอบคลุมถึงการวางตัว

ความล้มเหลวของคนหนุ่ม มักเกิดจากไม่รู้จักแสดงออกอย่างทันการณ์ และแสดงออกเกินไป ยิ่งแสดงออกยิ่งภูมิใจ หลงลำโพงจนลืมนึกถึงคนอื่น

ตรงกันข้าม เสี่ยวหวังซึ่งเป็นที่ปรึกษายืนอยู่ข้างหลังข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานโดยไม่เปิดตัว กราบเรียนรู้หลักการวางตัว จึงพูดอย่างชัดเจนว่า "เขาก็รู้"

ถ้าหากหัวหน้ากองเป็นคนนอกวงการ พอสมควรให้เสี่ยวหวัง ที่เป็นผู้สันทัดทำการอธิบาย แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาก็เป็นผู้สันทัด เสี่ยวหวังยังแย่งพูด ไม่เพียงแต่ข้ามหน้าข้ามตา ซ้ำยังแสดงว่า "เธอสันทัดกว่าฉัน"

เซลล์แมนรู้จักกลเม็ดในการพูด ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจ ยังบอกว่า

"เชื่อว่าคุณคงเป็นผู้สันทัด รู้ว่า..." หลังจากนั้นค่อยบอกสิ่งที่ตัวเองคิดโฆษณาออกมา ทำอย่างนี้ ยังได้ผลกว่าพูดว่า "คุณน่าจะรู้ว่า..." เพราะว่าอย่างแรกแสดงว่าเห็นด้วย ถึงเป็นจุดยืนร่วมกัน อย่างหลังเท่ากับตั้งข้อสมมุติว่า อีกฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจ ต้องให้คนชี้แนะ

ทุกคนชอบคำยกยอปอปั้น วิธีพูดอย่างแรกถือเป็นการพูดที่ประจบที่ดีที่สุด

นอกจากนี้คนยังชอบแสดงออก คิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งหนึ่ง ส่วนผู้เชี่ยวชาญทุกคนอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญในผู้เชี่ยวชาญ ยังมีเหตุการณ์อะไร สร้างความอิหรับอีเหลือกว่าการแสดงออกถึงความเชี่ยวชาญยิ่งกว่าต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งหรือ?

ผมเคยเห็นกับตาว่า อาจารย์ท่านหนึ่งพาลูกศิษย์ไปดูงานนิทรรศการภาพวาดหนังสือ หยุดอยู่ตรงหน้าภาพหนังสือหวัดใบหนึ่ง อาจารย์อ่านทีละตัว แต่แล้วมีอยู่ตัวหนึ่งเขียนหวัดเกินไป แม้แต่อาจารย์ยังจำแนกไม่ออก ลูกศิษย์จึงพูดว่า "นั่นมันคำโถว ที่แปลว่าศีรษะ" อาจารย์เปลี่ยนสีหน้า ดุว่า "ถึงตาแกพูดแล้วหรือ?"

ข้อผิดพลาดของลูกศิษย์คือ "แสดงความเป็นอาจารย์ต่อหน้าอาจารย์" ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์ที่เคยถ่ายทอดวิชาความรู้ให้

ในแวดวงวิชาการ มักได้ยินนักศึกษาที่ทำงานวิจัยตัดพ้อว่า "วิทยานิพนธ์ของท่านศาสตราจารย์ เป็นผมเขียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ท่านเพียงแค่กำหนดหัวข้อ ปล่อยให้ผมทำการค้นคว้า แต่พานใส่ชื่อของท่าน"

เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นไม่น้อย แต่พวกเราลองนึกดู เวลาที่ศาสตราจารย์คนนั้นยังเป็นนักศึกษาวิจัยเคยช่วยศาสตราจารย์ของเขาทำการค้นคว้าหรือเปล่า?

มีทำจริยาบางข้อ เป็นผลมาจากการพัฒนาการระยะยาว มองอย่างผิวเผินดูเหมือนไม่ชอบด้วยเหตุผล แท้ที่จริงมีเหตุผลอยู่

พลทหารอาจจะบอกว่า "เวลารบทัพจับศึก เป็นพวกเราบุกไปข้างหน้า ทำไมคนมีชื่อเสียงล้วนแล้วแต่เป็นท่านนายพล?"

เวลาที่เขาพูดคำพูดนี้ควรจะลองนึกดู

ข้อแรก นายพลท่านนั้นไม่ใช่ไต่เต้าขึ้นมาจากระดับล่างหรือ?

ข้อสอง เวลาแพ้สงคราม สมมุติตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนขึ้นตาแดงแจงเป็นนายพลเชลยศึกทำไมไม่ยิงเป้าพลทหาร?

ผมเคยดูดอกเตอร์ท่านหนึ่ง หลังจากผ่านการสอบปากเปล่า ศาสตราจารย์ที่คุมสอบพูดว่า "บอกตามตรงคุณวิจัยมาทางด้านนี้หลายปี คุณจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญ พวกเราไม่เพียงแต่ทดสอบคุณ ยังขอคำแนะนำจากคุณ"

ส่วนผู้ที่เข้าสอบพูดว่า "เป็นอาจารย์ชี้ทิศทางแก่ผม และให้โอกาสผม ถ้าไม่มีโอกาสอย่างนี้ ผมจะแสดงออกได้อย่างไร?"

ในที่นี้ขอเน้นต่อมิตรเยาว์วัยที่เพิ่งเข้าสังคมว่าสังคมนี้เหมือนกับสวนผลไม้ เมื่อคุณเดินเข้าไป เจ้าของสวนผลไม้อาจจะพูดว่า "เอาล่ะพื้นที่แห่งนี้ยกให้เธอเพาะปลูก"

เมื่อคุณเพราะปลูกได้ผลสมบูรณ์ ซ้ำยังเก็บเกี่ยวได้ผลกว่าที่เจ้าของสวนผลไม้เพาะปลูกมา ต้องอย่าลืมว่าใครเป็นคนปล่อยให้คุณเข้ามา และใครยกพื้นที่นี้แก่คุณ

ขณะที่พวกเราภูมิอบภูมิใจ อย่าได้ลืมกำพืดเดิมเป็นอันขาด

แน่ล่ะจังหวะย่างก้าวในสังคมมีเทคนิคอย่างมากเทคนิคบางอย่างไม่ชอบด้วยเหตุผล จนกล่าวได้ว่าเป็นกลเม็ด

ยกตัวอย่างเช่นฮ่องเต้สมัยโบราณทรงนำทัพด้วยพระองค์เอง แม่ทัพที่กำลังรถติดพันอยู่กับข้าศึกความจริงสามารถโจมตีข้าศึกแตกพ่าย พอทราบว่าฮ่องเต้จะส่งนำทัพด้วยพระองค์เองก็จะหยุดทัพ รอให้ฮ่องเต้เสด็จมาพิชิตข้าศึก

ขณะที่หยุดทัพ อาจเปิดโอกาสให้ข้าศึกหอบหายใจ ก่อให้เกิดความเสียหายได้ทำไมไม่เร่งเผด็จศึก?

นอกจากนี้ฮ่องเต้ทรงนำทัพด้วยพระองค์เองต้องสิ้นเปลืองเงินในพระคลังกว่าเดิม ทำไมไม่ช่วยตัดปัญหาของฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะไม่พอพระราชหฤทัยกว่าหรือ?

ถ้คุณคิดอย่างนี้ก็ผิดแล้ว ผิดจนบางครั้งถูกปลดออกจากตำแหน่ง หรือหัวหลุดจะมาโดยไม่รู้ตัว

ลองนึกดู ฮ่องเต้ทรงนำทัพด้วยพระองค์เองเพื่อประกาศศักดาภินิหาร เพื่อพิชิตข้าศึกที่แข็งข้อ

ฉะนั้นต่อให้แม่ทัพโจมตีข้าศึกแตกพ่าย แม่ทัพก็จะร้องแซ่ซ้อง "ขอพระองค์มีพระชนมายุหมื่นปีหมื่นๆปี"

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ตำแหน่งแม่ทัพเป็นฮ่องเต้ทรงแต่งตั้ง เมื่อสาวถึงต้นตอ ยังเป็นพระมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้

พูดมามากมาย บางเรื่องชวนฉงนสนเท่ห์ ชวนให้ท้อแท้ แต่นี่เป็นสังคมที่แท้จริง เป็นนิสัยใจคอที่แท้จริงของมนุษย์ ผมจำต้องพูด คุณจำต้องเข้าใจ

ตอนจบของเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 2 เรื่องคือ

ต่อมาผู้ช่วยเหอสอบเข้าสถาบันวิจัยที่ตัวเองสังกัดปรากฏว่าสอบไม่ติด หัวหน้าแผนก 4 มักพูดจาถากถางผลสุดท้ายผู้ช่วยเหอเดินทางออกนอกประเทศ

โรงงานซิ่วอิงได้รับใบสั่งซื้อสินค้าจริงๆ ต่อมาเสี่ยวหวังยังเลื่อนเป็นหัวหน้ากอง

☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘