ไขข้อข้องใจ ยารักษาหนองในมีกี่ชนิดแตกต่างอย่างไร

232 สัปดาห์ ที่แล้ว - คนดู 43
รูปภาพ ไขข้อข้องใจ ยารักษาหนองในมีกี่ชนิดแตกต่างอย่างไร

ยารักษาหนองใน มีหลายแบบตามประเภทของโรคหนองใน โรคหนองในแบ่งได้เป็น 2 ประเภท อย่างเช่น โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) กับโรคหนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis: NSU) หนองในเทียมเป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อโรคอื่นๆที่ไม่ใช่หนองในแท้ หลายท่านมีความสับสนระหว่างสองโรคนี้

ยารักษาหนองใน ประเภทหนองในแท้

ยารักษาหนองใน มีหลายตัว ใช้แตกต่างตามตัวเชื้อ รอบๆที่ติดเชื้อ อายุและก็น้ำหนักตัวของผู้ติดเชื้อ ดังต่อไปนี้

* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ที่ปากมดลูก ทางเดินปัสสาวะ ทวารหนัก และก็คอหอย แบบไม่ซับซ้อน

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 250 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ร่วมกับการรับประทานอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือ รับประทานเซฟิไซม์ (Cefixime) 400 มิลลิกรัม ร่วมกับ Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว

* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ที่ปากมดลูก ทางเดินปัสสาวะ และก็ทวารหนักประเภทซับซ้อน

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม ฉีดเข้ากระแสโลหิตร่วมกับรับประทานอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว

* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ที่มีเยื่อบุตาอักเสบ (Gonorrhoeae Conjunctivitis)

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อร่วมกับกินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว

* การได้รับเชื้อ Gonococcal ที่มีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Gonococcal Meningitis)

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1-2 กรัม ฉีดเข้ากระแสโลหิต ทุก 12-24 ชม. ร่วมกับรับประทานอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว

* การได้รับเชื้อ Gonococcal ในเด็กอ่อน

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ฉีดเข้ากระแสเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว โดยปริมาณยาห้ามเกิน 125 มิลลิกรัม

* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ชนิดแพร่กระจายในเด็กแรกเกิด (เด็กอ่อนจะมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ข้อ และเยื่อหุ้มสมอง) และการติดเชื้อที่หนังหัว (Gonococcal Scalp Abscesses)

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มิลลิกรัม/กิโล/วัน ฉีดเข้ากระแสเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อวันละ 1 ครั้ง นาน 7 วัน หากมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วยให้รักษาติดต่อกันนาน 7-14 วัน หรือเซฟโฟทาซีม (Cefotaxime) 25 มิลลิกรัม/กก. ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 12 ชั่วโมง นาน 7 วัน ถ้าเกิดมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วยให้รักษาต่อเนื่องนาน 7-14 วัน

* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ชนิดไม่ซับซ้อน ในเด็กหรือเด็กทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 45 กิโล

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 25–50 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 โล ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว โดยปริมาณยาห้ามเกิน 125 มิลลิกรัม

* การติดเชื้อ Gonorrhoeae ประเภทไม่ซับซ้อน ในเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 45 โล

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 250 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ร่วมกับการรับประทานอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือกินเซฟิไซม์ (Cefixime) 400 มิลลิกรัม ร่วมกับ Azithromycin 1 กรัม ครั้งเดียว

* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อในข้อ ในเด็กหรือเด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 45 กิโลกรัม

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 50 มิลลิกรัม/โล ฉีดเข้ากระแสโลหิตหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว นาน 7 วัน โดยขนาดยาห้ามเกิน 1 กรัม

* การได้รับเชื้อ Gonorrhoeae ร่วมกับมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อในข้อ ในเด็กหรือเด็กแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 45 โล

ยารักษาหนองใน ที่แนะนำ เซฟไตรอะโซล (Ceftriaxone) 1 กรัม/กิโลกรัม ฉีดเข้ากระแสเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว ทุกๆ24 ชั่วโมง นาน 7 วัน

* ยารักษาโรคหนองใน ชนิดหนองในเทียม

แนะนำให้กินอะซิโทรไมซิน (Azithromycin) 1 กรัม ครั้งเดียว หรือ รับประทานด็อกซี่ไซคลิน (doxycycline) วันละ 2 ครั้ง เช้าและก็เย็น นาน 7 วัน

หาก 2 อาทิตย์อาการยังไม่หายให้ไปพบแพทย์ซ้ำเพื่อปรับการรักษา โดยแพทย์บางทีอาจพิจารณาให้กินยานานขึ้นหรือรับประทานยาหลายตัวร่วมกัน

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันทั้งสองโรคนี้อาจจะมีการเกิดขึ้นพร้อมกันได้ พบว่า ผู้ป่วยหนองในแท้มากยิ่งกว่า 20% จะเป็นหนองในเทียมร่วมด้วย และถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีการแพร่กระจายไปยังรอบๆอวัยวะใกล้เคียง จึงควรพบแพทย์เมื่อมีอาการน่าสงสัยเพื่อวินิจฉัยโรคแล้วก็รักษาให้ถูกจุด

ข้อแนะนำและก็ข้อพึงระวังสำหรับการใช้ยารักษาหนองใน

เพื่อการใช้ยารักษาหนองในโดยถูกวิธี คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด

* ควรจะแจ้งหมอรวมทั้งเภสัชกรทุกครั้งถึงโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยาในปัจจุบัน แล้วก็ประวัติการแพ้ยา เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาซ้ำและยาตีกัน เนื่องจากว่ายาปฏิชีวนะบางตัวอาจขัดขวางการออกฤทธิ์ของยาจำพวกอื่นหรือเสริมฤทธิ์ยาชนิดอื่นให้แรงขึ้นได้

* การใช้ยาปฏิชีวนะอาจมีผลกระทบที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับยาชนิดอื่นๆโดยส่วนใหญ่จะเกิดอาการในระบบทางเดินอาหาร อาทิเช่น อ้วก อาการท้องอืด ท้องเสีย ปวดท้อง เบื่ออาหาร วิงเวียนหัว เป็นต้น

* ถ้าหากใช้ยาและก็หายใจติดขัด ลำคอตีบตัน ผื่นขึ้นตามตัว เนื้อเยื่ออ่อนต่างๆบวม ตัวอย่างเช่น รอบๆตารวมทั้งปาก ควรจะหยุดยารวมทั้งเข้าพบหมอโดยทันที เนื่องจากผู้ใช้อาจกำเนิดลักษณะของการแพ้ยาปฏิชีวนะจำพวกนั้นๆ

* ผู้ที่มีภาวะโรคตับและก็ไต ควรระวังการใช้ยาฆ่าเชื้อ ควรปรึกษาหมอก่อนใช้ยา เหตุเพราะยาอาจก่อให้โรคตับและก็ไตที่เป็นอยู่ทรุดหนักลง

* ไม่สมควรซื้อยาต้านจุลชีพหรือยาฆ่าเชื้อใช้เอง เพราะเหตุว่าเชื้อจุลชีพมีหลายประเภท ทั้งยังเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และก็เชื้อรา ก็เลยจำเป็นต้องให้แพทย์วินิจฉัยโรคก่อนจ่ายยาทุกหนเพื่อมีประสิทธิภาพการดูแลและรักษาสูงสุด ซึ่งยาจำเป็นจะต้องออกฤทธิ์เจาะจงต่อเชื้อนั้นๆรวมทั้งป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจนถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่

https://www.honestdocs.co/medicine-for-gonorrhoea-and-non-gonococcal-urethritis

Tags : ยารักษาหนองใน, การติดเชื้อ, กล้ามเนื้อ