การรักษารอยแดง-ดำจากสิวอักเสบ และสาเหตุของการเกิดฝ้า

387 สัปดาห์ ที่แล้ว - คนดู 33
รูปภาพ การรักษารอยแดง-ดำจากสิวอักเสบ และสาเหตุของการเกิดฝ้า


ฝ้า คือ ปื้นหรือรอยด่างบนใบหน้า เริ่มจากสีน้ำตาล และเข้มขึ้นตามความรุนแรง และเมื่อรับแสงแดด โดยเฉพาะ รังสี UV

ฝ้าพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ฝ้าเกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายนอกและ ภายใน ที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในชั้นหนังกำพร้าให้มีการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น

ปัจจัยหลักๆของการเกิดฝ้า คือ
★ ฮอร์โมน : มักพบผู้ป่วยที่เป็นฝ้าขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงมีผลกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขี้น / ในคนที่รับประทานหรือฉีดยาคุมกำเนิด / ผู้ที่อยู่ในวัยทอง
★ พันธุกรรม มักพบในคนผิวสีคล้ำ เช่น คนเอเชีย
★ แสงแดด เนื่องจาก ในแสงแดดมีส่วนประกอบของรังสีอัลตร้าไวโอเลต เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือทำให้ฝ้าเป็นมากขึ้น ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดตลอดเวลา และหลบเลี่ยงแสงแดด
★ ยาที่รับประทานบางชนิด เช่น กลุ่มยากันชัก
★ เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง อาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้า เช่นจากสารที่ให้กลิ่นหอม หรือจากสีในเครื่องสำอางนั้นๆ

รอยแดง-ดำจากสิวอักเสบ

เรื่องของสาเหตุทำให้เป็นรอยแดง-ดำหลังจากที่สิวเราหายแล้ว เป็นเรื่องที่หลายๆคนถามถึงกันมากว่าทำไมสิวหายแล้วแต่หน้ายังเป็นรอยแดง รอยดำอยู่เลย

รอยแดง-ดำคล้ำจากผิวอักเสบ คืออะไร เป็นอาการสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหายจากการอักเสบ และรวมถึงอาการเหล่านี้ด้วย

- การติดเชื้อที่ผิวหนัง
- อาการแพ้
- อุบัติเหตุ
- ปฎิกิริยาจากการใช้ยา
- อาการแพ้ยาที่ผิวหนังโดยมีปฎิกิริยาจากแสงแดดร่วมด้วย
- แผลบาดเจ็บ (เช่นผิวไหม้)
- ปฎิกิริยาจากการอักเสบ (เช่น สิว, ผิวหนังอักเสบ)

รอย แดง-ดำคล้ำที่เกิดขึ้นนี้จะอยู่ในบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บที่รักษาหายแล้ว จะมีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ สีที่ดำคล้ำขึ้นเนื่องจากเผชิญกับแสงแดด (รังสียูวี) การใช้ยารักษาบางอย่างก็อาจทำให้สีผิวคล้ำขึ้น เช่นยาต้านเชื้อมาลาเรีย, ยารักษาโรคเรื้อน, เตตร้าไซคลิน, ยาต้านมะเร็งเช่น bleomycin, doxorubicin, 5-fluorouracil และ busulfan รอย ดำคล้ำนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่จะเกิดได้มากกว่าในคนที่มีผิวคล้ำ อาการเหล่านี้จะเห็นได้ขัดเจนมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด ตัวอย่างของอาการเหล่านี้เช่น การสัมผัสกับพิษของพืชบางชนิดแล้วแพ้

สาเหตุของการเกิดรอยคล้ำจากผิวอักเสบ

เกิด จากการผลิตเม็ดสีในบริเวณที่เป็นแผลอักเสบซ้ำๆในขั้นตอนที่ผิวทำการรักษาแผล นั้น อธิบายกันอย่างละเอียดก็คือ เมลาโนไซท์ทำหน้าที่ผลิตเมลานินมากขึ้น (เมลานินคือเม็ดสีผิว) ซึ่งจะแพร่ไปยังเคราติโนไซท์รอบ ๆ (เคราติโนไซท์ คือเซลล์ผิว) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มความผิดปกติของเม็ดสีผิว (hypermelanosis) ชั้นหนังกำพร้า

อีก สาเหตุหนึ่งคือความผิดปกติของเม็ดสีผิวในชั้นหนังแท้ เม็ดสีผิวที่เกิดที่ชั้นลึกลงไป จะเกิดขึ้นเมื่อการอักเสบนั้นกระจายลงไปถึงขอบเขตสุดท้ายของชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดเม็ดสีผิวขึ้นที่ชั้นผิวที่อยู่ติดกับหนังกำพร้า (ชั้นบนสุดของชั้นหนังแท้)การเกิดภาวะอักเสบที่ชั้นผิวหนังกำพร้า (ชั้นนอกสุดของผิวหนัง) ที่ตอบสนองจากการบาดเจ็บหรือเป็นแผล มีผลให้ผิวหลั่งและทำปฎิกิริยากับกรดอะราชิโดนิค (arachidonic) ไปยัง prostaglandin

ยากินกลุ่มโลคูเทรียน (leukotriene) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆที่ใกล้เคียงกันนี้จะไปปรับเปลี่ยนการทำงานของภูมิคุ้มกันเซลล์ และเมลาโนไซท์และทำให้เกิดรอยแดง รอยดำได้เช่นกัน

วิธีการรักษารอยดำคล้ำจากผิวอักเสบ

โดยปกติแล้วจุดด่างดำบนผิวจะค่อย ๆ จางลงและกลับเป็นสีผิวปกติได้ต้องใช้เวลา ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้นอาจใช้เวลานานถึง 6-12 เดือน หรืออาจนานถึง 2 ปีในบางรายก็เป็นได้ ผู้ป่วยควรจะได้รับการแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีคุณภาพดีเป็นประจำทุกวัน เมื่อต้องเผชิญแสงแดดเพื่อป้องกันจุดด่างดำนั้นไม่ให้คล้ำขึ้นกว่าเดิม

ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้รักษาภายนอกมีมากมายที่จะช่วยให้ขาวขึ้น หรือฟอกสีจุดด่างดำที่ชั้นหนังกำพร้าได้ ส่วนใหญ่แล้วให้ผลดี แต่หากรักษาร่วมกันกับวิธีการต่าง ๆ ที่แนะนำด้านล่างนี้ก็จะให้ผลที่ชัดเจนมากขึ้น

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษามีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ตัวยา เร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA) กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) (BHA) กรดวิตามิน A
2. ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีภายในเซลล์สร้างเม็ดสีโดยตรง เช่น วิตามินซี อาร์บูติน สารสกัดจากใบหม่อน ( Mulberry ) ชะเอมเทศ ( Licorice ) ฯลฯ
3. ยับยั้งการเคลื่อนตัวของเม็ดสีที่ผิดปกติไปยังเซลล์ผิวชั้นบน เช่น วิตามิน B1 สารสกัดจากเมล็ดถั่วเหลืองและนม

นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ยาเพียงอย่างเดียว การใช้แสงเข้มข้นสูง ( IPL) และ การใช้นวัตกรรมเลเซอร์ช่วยรักษารอยแดง และ รอยดำที่เกิดจากสิว ( V-BEAM LASER และ Dual Yellow Laser ) ร่วมด้วย ก็จะยิ่งเห็นผลการรักษาที่ไวขึ้นและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

รักษารอยแดงสิวด้วย วีบีมเลเซอร์

วีบีม เลเซอร์ (Vbeam Laser) คืออะไร
วีบีม (Vbeam) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 595 nm แสงเลเซอร์นี้จะมีความอ่อนโยนต่อผิวและถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดปัญหาต่างๆ ของผิวที่ไม่พึงปรารถนา โดยเทคโนโลยีนี้จะมีระบบพ่นความเย็นที่ให้ความ ละเอียดสูงผสานไปกับลำแสงเลเซอร์ที่มีความเที่ยงตรงสูง ทั้งในแง่พลังงานและ ระยะเวลาการปล่อยแสงเลเซอร์ที่แม่นยำ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการรักษาสูง

มีปัญหาสิว รอยแดงจากสิว และหลุมสิวจะทำอย่างไร สิวและรอยแดงของสิวมักพบบ่อยในวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ารำคาญเนื่องจากใช้เวลานานกว่าจะหาย ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้รอยแดง และสิวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเทคโนโลยี วีบีม (Vbeam) เป็นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับรอยแดงให้จางลงอย่างรวดเร็วหลังการ รักษา โดยการยิงเลเซอร์ชนิดนี้สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ สิว และหลุมสิว ก็จะดีขึ้นด้วยตามลำดับ สามารถเห็นผลการรักษาได้ในครั้งแรกและถ้าทำต่อเนื่อง ประมาณ 3-5 ครั้ง จะดีขึ้นประมาณ 75-90%

ขจัดรอยดำ และริ้วรอย เพื่อให้ผิวอ่อนใสได้อย่างไร
วีบีม (Vbeam) รุ่นล่าสุด จะมีเทคโนโลยีหัวยิงรุ่นใหม่ ซึ่งสามารถนำไปรักษากระและรอยดำได้เป็นอย่างดี และยังช่วยทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ลง เรียบเนียนขึ้นและลบริ้วรอยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดย วีบีม (Vbeam) จะช่วยเสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ใบหน้ากลับสู่ ความสดใสและความอ่อนเยาว์กลับมาอีกครั้ง

การรักษาด้วย วีบีม (Vbeam) มีความปลอดภัยหรือไม่ และประสิทธิภาพเป็นอย่างไร
วีบีม (Vbeam)เป็น เครื่องที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการรับรองจากองค์การอาหารและยา จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย รวมทั้งประเทศไทยว่ามีความปลอดภัยสูง ทั้งยังมรการทำการทดลองวิจัยทางการแพทย์ต่างๆ จำนวนมาก เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถนำไปใช้รักษาปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณต่างๆได้มากมาย โดยได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาผิวพรรณได้กว่า 20 ชนิด

ต้องทำบ่อยแค่ไหน

ควรเข้ารับการรักษาทุก 3-4 สัปดาห์ ประมาณ 3-5 ครั้งซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบสนองที่แตกต่างของแต่ละบุคคล

ข้อดีของ วีบีม (Vbeam)
- สามารถรักษาปัญหาผิวพรรณต่างๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพในคราวเดียวกัน เช่น สิว รอยแดงสิว ริ้วรอย กระ รอยดำต่างๆ รวมทั้งเส้นเลือดขยาย
- ใช้เวลาในการรักษาสั้น เพียง 10-15 นาทีต่อครั้ง
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชา หรือฉีดยาชาก่อนการ รักษาเลย
- สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ ทันทีหลังจากการรักษาครั้งแรก ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้ารับ การรักษาอย่างต่อเนื่อง
- มีความปลอดภัยสูง
- ไม่มีบาดแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

รักษารอยดำจากสิว และปรับสภาพผิวให้ขาวขึ้น

ADVANCE BRIGHTENING LASER HYDRO PLUS

โปรแกรมพิเศษที่ช่วยเผยผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น ผสานความลงตัวของนวัตกรรมเลเซอร์และทรีตเมนต์ในการรักษา ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และความหมองคล้ำบนใบหน้าจางลง เลเซอร์หน้าใสลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ ประสิทธิภาพการรักษาเหนือกว่า IPL ทุกชนิด ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ สลายเม็ดสีโดยใช้ Melanolytic Technique รูขุมขนเล็กลงและกระชับขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง

โดยการใช้ Melanolytic Technique เทคนิคเฉพาะธนพรคลินิก ยิงเลเซอร์ไปที่เมลานินหรือเม็ดสีที่มีปัญหาโดยตรง โดยไม่ทำร้ายผิวปกติ เม็ดสีจะค่อยๆแตกตัวและละลายไป รวมทั้งความร้อนของเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ริ้วรอยเล็กๆดูจางลง หลังจากนั้นจึงใช้วิทยาการในการผลัดเซลล์ผิวด้วยอณูละอองวิตามินบำรุงผิวผสานออกซิเจนที่เล็กระดับไมครอน ความเร็วสูงระดับเทอร์โบ 200 เมตรต่อวินาที ช่วยเผยผิวกระจ่างใส มีชีวิตชีวากว่าเดิม

โบกมือลา จุดด่างดำ และความหมองคล้ำบนใบหน้า ประสิทธิภาพการรักษาเหนือกว่า IPL ทุกชนิด

- ลบเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ

- ความหมองคล้ำจางลง

- ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ

- ขุมขนเล็กลงและกระชับขึ้น

- สลายเม็ดสีโดยใช้ Melanolytic Technique

- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง


Dual Yellow Laser

The Total Skin Rejuvenation Laser

นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการดูแลรักษาผิวหน้าเพื่อผิวสวยสมบูรณ์แบบ

เห็นผลที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา

Dual Yellow Laser ใช้ Copper-Bromide เป็นแหล่งกำเนิดเลเซอร์ ทำให้ได้เลเซอร์ออกมา 2 ชนิด
- เลเซอร์สีเหลืองความยาวคลื่น 578 nm. เหมาะสำหรับรักษาเส้นเลือด โดยไม่ทำให้ผิวด้านบนเสียหายจึงไม่เกิดจ้ำเลือดหลังการรักษา
- เลเซอร์สีเขียวความยาวคลื่น 511 nm. เหมาะสำหรับรักษาเม็ดสีของผิวหนังชั้นบน แต่ไม่ทำให้ผิวชั้นล่างเสียหาย ลดการเกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอตามมา และจากการผสมผสานการใช้ Fast Edge MicroPulse Technology ซึ่งให้ผลในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิว ช่วยในการป้องกันและรักษาริ้วรอยได้

Dual Yellow Laser สามารถรักษาอะไรได้บ้าง ?

- ผลัดเซลล์ผิวเผยผิวใหม่ขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น
- ริ้วรอย โดยเฉพาะรอยขมวดคิ้ว รอยย่นบนหน้าผาก ตีนกา รอยใต้ตา ร่องแก้ม
- รอยแดงและเส้นเลือด เช่น รอยสิว ไฝแดง ปานแดง เส้นเลือดฝอย
- กระ ฝ้า ปานดำ รอยแผลเป็นสีแดงและสีดำ
- ติ่งเนื้อ ไฝ เนื้องอกใต้ตา หูด
- รอยแตกลาย ท้องลาย
- รอยแผลผ่าตัดและรอยแผลอุบัติเหตุ

ความรู้สึกระหว่างรับการรักษา

Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ไม่รุนแรงและมีความปลอดภัยมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ระหว่างการรักษาจะรู้สึกเหมือนเข็มแตะที่ผิวเบาๆ อาจจะรู้สึกอุ่นๆ ในบางรายที่ผิวแพ้ง่ายอาจจะแดงเล็กน้อยที่ผิว ซึ่งจะค่อยๆหายไปเอง

การดูแลผิวหลังรับการรักษา

ภายหลังการรักษาสามารถแต่งหน้าและทำกิจกรรมได้ตามปกติ

แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 30 และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 1 สัปดาห์

Dual Yellow Laser ปลอดภัยหรือไม่ ?

Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง แสงเลเซอร์จะทำลายเฉพาะเป้าหมายที่เจาะจง ไม่มีผลต่อผิวหนังด้านข้าง จึงไม่ค่อยพบผลข้างเคียง เช่น แผล จ้ำเลือด และสีผิวที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญสามารถรักษาได้ทุกสีผิวอย่างปลอดภัย...อ่านเพิ่มเติม

ติดตามและอ่านบทความต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tanapornclinic.com/


ประกาศที่เกี่ยวข้อง

3 TanapornClinic ธนพรคลินิก ศูนย์เลเซอร์และทรีตเมนต์ รักษาสิว เสริมจมูก พร้อมทั้งศัลยกรรมเสริมความงามชั้นนำของเมืองไทย
TanapornClinic ธนพรคลินิก ศูนย์เลเซอร์และทรีตเมนต์ รักษาสิว เสริมจมูก พร้อมทั้งศัลยกรรมเสริมความงามชั้นนำของเมืองไทย
387 สัปดาห์ ที่แล้ว - สปา สถานเสริมความงาม และสุขภาพ - กรุงเทพมหานคร - เขตบางกะปิ